Politics

‘บิ๊กตู่’ ย้ำ! เศรษฐกิจไทยใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน

“นายกรัฐมนตรี” ปาฐกถา “Fostering Partnership for Common Prosperity” บทบาทธุรกิจไทย-สหรัฐ ชี้เศรษฐกิจไทยใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน ย้ำสัมพันธ์ใกล้ชิดสหรัฐแนบแน่นยาวนาน

ประยุทธ์269625
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 เวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา สภาธุรกิจสหรัฐและอาเซียน (US-ASEAN Business Council : USABC) และหอการค้าสหรัฐ (US Chamber of Commerce : USCC) จัดเลี้ยงอาหารค่ำท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลไทย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวคำยินดีพร้อมกับปาฐกถาในหัวข้อ “Fostering Partnership for Common Prosperity” สรุปสาระสำคัญดังนี้

ไทยและสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) มีโอกาสหารือกันบ่อยครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในบทบาทของธุรกิจสหรัฐในไทย และมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าในการเสริมสร้างปัจจัยสนับสนุน และบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนประกอบธุรกิจ

โดยได้ย้ำถึงจุดแข็งของไทย ทั้งโดยสภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากร รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยที่ผ่านมา ทำให้ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และมีสาขาเศรษฐกิจที่เข้มแข็งในหลายๆ ด้าน ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับสหรัฐ อย่างแนบแน่นและยาวนานถือเป็นจุดแข็งสำคัญของไทย

ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัทเอกชนสหรัฐหลายบริษัท ทั้งยังเป็นที่ตั้งสำนักงานการบริการลูกค้าและสนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขณะเดียวกัน บริษัทไทยกว่า 20 บริษัท เข้าไปประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ และมีแนวโน้มขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประยุทธ์269623

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามเพิ่มความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่านการวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทย ทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 เพื่อยกระดับการผลิตของไทยให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC การดำเนินนโยบาย Thailand +1 รวมถึงการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบภายใน ส่งผลให้ปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตรา 4.1% ส่วนในปีนี้คาดว่าการเติบโตอาจลดลงมาอยู่ในช่วง 2.7-3.2% จากความตึงเครียดทางการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง

พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกลไกปรึกษาหารือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ผ่าน “กลไกประชารัฐ” รวมทั้งกำหนดนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ โดยในด้านเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

การพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG ในด้านการลงทุน รัฐบาลยังคงส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต และช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย โดย BOI ได้กำหนดให้ปีนี้เป็น “ปีแห่งการลงทุนในไทย (Thailand Investment Year)” โดยได้ออกมาตรการจูงใจพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ประยุทธ์269622

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าปีนี้ซึ่งไทยเป็นประธานอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน (Advancing Partnership for Sustainability)” ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์เสถียรภาพ และการเจริญเติบโตร่วมกันของประเทศทั้งในและนอกภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมความอย่างยั่งยืนในทุกมิติโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โดยในช่วงเวลาวาระประธานอาเซียนที่เหลือของไทย ไทยจะพยายามผลักดันการเจรจา RCEP ให้เกิดความคืบหน้าอย่างเต็มที่ รวมถึงการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบ ตลอดจนการพัฒนาขีดความสามารถให้กับกลุ่ม SMEs พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคฯ โดยเฉพาะกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง (ACMECS) และการเปิดรับ ACMECS Development Partners ซึ่งสหรัฐ เป็นประเทศแรกที่ตอบรับเข้าร่วม รวมถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกยังมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ 44% มีประชากรที่เป็นทั้งแรงงานและผู้บริโภค 65% และมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) คิดเป็น 62% ของโลก

Avatar photo