สาวน้อยวัย 16 ปี “เกรต้า ทุนเบิร์ก” นักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านภาวะโลกร้อน ที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองโด่งดังไปอีกขั้นกับการกล่าวสุนทรพจน์ บนเวทีโลกร้อนของยูเอ็น ที่เธอกล่าวหาบรรดาผู้นำโลกว่า ทรยศคนรุ่นเธอ จากความล้มเหลวในการจัดการกับก๊าซเรือนกระจก
“หนูไม่ควรมาอยู่ที่นี่ หนูควรจะอยู่ที่โรงเรียนในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร พวกคุณเอาความหวังมาฝากไว้กับพวกเราคนหนุ่มสาว พวกคุณกล้าดียังไง”
ประโยคดุเดือดดังกล่าว ทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก และมีอยู่ 5 เรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับตัวเธอ
เธอเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ โอซีดี และไม่ยอมพูดในบางสถานการณ์
เกรตา ธุนเบิร์ก เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2546 ในสต็อกโฮล์ม สวีเดน โดยเมื่อเธออายุได้ประมาณ 8 ขวบ เธอก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกเป็นครั้งแรก และพออายุได้ 11 ปี เธอก็รู้สึกหดหู่กับเรื่องที่ว่าไม่มีใครทำอะไรเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน เธอเริ่มหยุดกิน และหยุดพูด
ในเวลาต่อมาเธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการของโรคแอสเพอร์เกอร์ มีอาการย้ำคิดย้ำทำ (โอซีดี) และไม่ยอมพูดในบางสถานการณ์ ซึ่งเธอเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โรคที่เธอเป็นนั้นหมายความว่า เธอจะพูดก็ต่อเมื่อเธอคิดว่ามันจำเป็น และนี่คือหนึ่งในช่วงเวลาเธอคิดว่าจำเป็น
“หนูเป็นคนที่คิดมากเกินไป บางคนแค่คิดแล้วก็ปล่อยวางไป แต่หนูทำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้หนูรู้สึกกังวล หรือทำให้รู้สึกเศร้า”
เกรต้าเล่าให้ฟังถึงช่วงเวลาที่เธอยังอายุน้อยกว่านี้ เธอบอกว่า เธอจะร้องไห้เวลาที่ครูเปิดหนังให้ดูในห้องเรียน เป็นเรื่องเกี่ยวกับขยะพลาสติกในมหาสมุทร และหมีขาวที่หิวโหย
“เพื่อนๆ หนูต่างรู้สึกกังวลเวลาที่พวกเขาดูหนังแบบนี้ แต่พอหนังจบ พวกเขาก็เริ่มหันไปคิดเรื่องอื่นแทน แต่หนูทำแบบนั้นไม่ได้ ภาพพวกนั้นมันติดอยู่ในหัวหนู”
เธออายุแค่ 15 ปี เมื่อเริ่มต้นประท้วงต้านโลกร้อน
ในเดือนสิงหาคม 2561 เกรต้าโดดเรียน และไปนั่งอยู่ด้านหน้าอาคารรัฐสภาสวีเดน เพื่อประท้วงภาวะโลกร้อน เธอเขียนไว้ในเฟซบุ๊กว่า เธอเริ่มคิดแผน และลงมือประท้วงด้วยตัวเองทั้งหมด เพราะในเวลานั้นไม่มีใครสนใจที่จะเข้าร่วมกับเธอด้วย โดยในขณะที่อยู่ด้านนอกสภานั้น เธอก็แจกใบปลิว ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศโลก และอธิบายถึงสาเหตุที่เธอมาประท้วง
“สิ่งแรกที่หนูทำ คือ โพสต์ขึ้นบนทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป และจากนั้นไม่นานมันก็กลายเป็นไวรัล นักข่าวและหนังสือพิมพ์ก็เริ่มมา”
ที่สุดแล้ว การริเริ่มของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้น จนกลายมาเป็น “ฟรายเดย์ส ฟอร์ ฟิวเจอร์ มูฟเมนท์” หรือการเคลื่อนไหวทุกวันศุกร์เพื่ออนาคต ที่เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวหลายล้านคนทั่วโลก พากันเคลื่อนไหวในบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อสนับสนุนเกรต้า
การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นที่บ้าน
การปฏิวัติของสาวน้อยรายนี้ เริ่มต้นขึ้นที่บ้านกับพ่อแม่ของเธอ มาเลนา เอิร์นแมน นักร้องโอเปรา และสวอนเต้ ทุนเบิร์ก นักแสดง โดยในตอนแรกที่เกรต้าบอกกับพวกเขาถึงแนวคิดที่จะหยุดเรียนเพื่อไปประท้วง พวกเขาก็ไม่ค่อยสนับสนุนเธอเท่าไรนัก
“พวกเขาไม่สนับสนุนความคิดที่จะหยุดเรียนประท้วง และพวกเขาบอกว่า ถ้าหากหนูจะทำแบบนี้ หนูก็ต้องทำทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยที่พวกเขาจะไม่สนับสนุน”
แต่ที่สุดแล้วเธอก็สามารถชักชวนให้ครอบครัวของเธอลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงมา ด้วยการหันไปกินอาหารมังสวิรัติ และยกเลิกการเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งหมายความว่า แม่ของเธอจะต้องยุติการเดินทางไปแสดงในต่างประเทศด้วย
เธอแล่นเรือใบข้ามแอตแลนติกแทนการบิน
ในการเดินทางมายังสหรัฐ เพื่อเข้าร่วมการประชุมโลกร้อนของสหประชาชาตินั้น เกรต้าปฏิเสธที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน และเลือกที่จะแล่นเรือใบข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแทน
เรือที่เธอใช้เดินทางนั้น เป็นเรือความยาว 18 เมตร ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และมีกังหันใต้น้ำ ที่ช่วยผลิตไฟฟ้าบนเรือ แต่บนเรือไม่มีทั้งห้องอาบน้ำ และห้องส้วม ต้องขับถ่ายของเสียลงไปกระป๋องสีน้ำเงินแทน
“เกรต้ายอมเสี่ยงที่จะแล่นเรือข้ามมหาสมุทรด้วยเรือที่ใช้สำหรับแข่งขัน ที่ไม่มีความสะดวกสบายใดๆ เลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอยึดมั่นในเป้าหมาย และมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันตัวเอง” กัปตันเรือ ระบุ
ในการเดินทางด้วยเรือใบจากเมืองพลิมัธ ในสหราชอาณาจักร ไปยังสหรัฐนั้น เกรต้าใช้เวลาทั้งหมดราว 2 สัปดาห์
เธอได้รับรางวัลจากแอมเนสตี้
เกรต้า และกลุ่มเคลื่อนไหวทุกวันศุกร์เพื่ออนาคตได้รับรางวัล Ambassador of Conscience Award จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยรางวัลนี้เป็นรางวัลสำหรับผู้คน ที่แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำในแบบเฉพาะตัว และกล้าหาญที่จะยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นรางวัลทรงเกียรติสูงสุดของทางองค์กร
แอมเนสตี้แถลงว่า องค์กรเลือกที่จะให้รางวัลประจำปีนี้แก่เกรต้า เพราะความพยายามในการเคลื่อนไหวด้านภาวะโลกร้อนของเธอ ที่จุดประกายให้กับเด็กวัยรุ่นทั่วโลก
นอกจากนี้ เกรต้ายังได้รับการเสนอชื่อเข้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วย
ที่มา : Channel News Asia