“รมว.คลัง” ปลื้ม!! ประชาชนแห่ลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” ทำยอด 3 วันเต็มเร็วมาก ยันเปิดร้านค้าเข้าร่วมโครงการหลากหลาย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” นับว่า ประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของทุกวัน ติดต่อกัน 3 วัน จำนวนเต็มโควตาที่กำหนดทุกวัน 1 ล้านคนต่อวัน วันนี้เต็มตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยืนยันว่าได้เปิดให้ร้านค้าเข้ามาร่วมโครงการหลากหลาย เพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินของผู้ลงทะเบียน และพยายามดูแลร้านค้าไม่ให้มีจำหน่าย สุรา หรือสลากฯ รวมถึงสินค้ามอมเมา เพื่อเน้นการใช้จ่ายท่องเที่ยว
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า ประชาชนลงทะเบียนหนาแน่นมาก ถือว่าประสบความสำเร็จในการเปิดให้ชาวบ้านลงทะเบียน เพราะเห็นว่าเวลาหมดโควตาเร็วขึ้นทุกวันมาถึงช่วงเช้า กระทรวงการคลังคาดหวังมากอยากให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี สำหรับร้านค้าทยอยเข้าร่วมโครงการเพิ่มต่อเนื่อง ร้านใดไม่เข้าโครงการชิมช้อปใช้ ถือว่าตกยุค และอยากเชิญชวนร้านค้ารายย่อยริมทาง เช่น ส้มตำ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง มาเข้ามาร่วมโครงการให้มากขึ้น เพราะสินค้าเหล่านี้ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่นักท่องเที่ยวซื้ออาหาร หรือร้านทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งจับมือกับภาคเอกชนจัดโปรโมชั่นการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการออกเดินทางไปต่างจังหวัด กระแสการใช้จ่ายท้ายปี ทำให้จีดีพีขยับขึ้น 0.2% จากมาตรการครั้งนี้ และหากเงินหมุนไปหลายรอบยิ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายปลายปี
ทั้งนี้ นายอุตตม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมได้รับรายงานว่า มีร้านค้าใหม่ซึ่งได้สมัครเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” ประมาณ 7 หมื่นร้านค้า รวมกับร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนไว้เดิมแล้ว 8 หมื่นร้านค้า ขณะนี้รวมแล้วเรามีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 1.5 แสนร้านค้า และเท่าที่ทราบมีร้านค้าอีกจำนวนหนึ่งที่สนใจจะร่วมโครงการ โดยผมได้แจ้งให้ทาง ธ.กรุงไทย และกรมบัญชีกลาง ขยายเวลาให้ร้านค้าชุมชน ร้านค้าเล็กๆที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่ม จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2562
ด้านประชาชนที่ลงทะเบียนร่วมโครงการแล้วใน 2วันแรกทั้งหมดประมาณ 2 ล้านคน จากที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านคน
สำหรับจุดประสงค์ของโครงการ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในภาคการท่องเที่ยวช่วงปลายปี เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานรากเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เราดูแลคนไทยด้วยกันเอง จากผลกระทบของเศรษฐกิจภายนอก
ขณะที่โครงการอื่นในชุดมาตรการนี้ ยังมีทั้งการอุดหนุนปัจจัยทางการเกษตรให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนา ซึ่งมีการจ่ายเงินอุดหนุนไปแล้วกว่า 1.7 ล้านราย และจะเร่งให้มีการจ่ายเพิ่มในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1 ล้านกว่ารายให้ครบตามจำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียนไว้
สำหรับชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการประเมินการทำงานในทุกสัปดาห์เพื่อติดตามความคืบหน้าของมาตรการ โดยมีผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีให้ได้มากที่สุด
