หลังจากที่บริษัทโทมัส คุก บริษัทให้บริการด้านการท่องเที่ยวของอังกฤษ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 178 ปี ประกาศภาวะล้มละลายเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากหาทางระดมทุนเพื่อเข้ามารักษาธุรกิจเอาไว้ไม่ได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบมาถึงผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในไทยด้วย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ททท.จะหารือกับโรงแรมของไทยที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโทมัส คุก ล้มละลาย และยังค้างเงินโรงแรมไทยหลายแห่ง เกี่ยวกับความเสียหาย และการรับมือกับเรื่องนี้ ซึ่งนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้ไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ ที่จะจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ
บริษัทที่จะเข้าร่วมพูดคุย รวมถึง เอเชียน เทรลส์ ซึ่งเป็น Destination Management Company หรือ DMC หลักของโทมัส คุก และผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ เช่น อนันตรา ดุสิตธานี และมันดารา
ทางด้านนางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบที่มีต่อการท่องเที่ยวไทย ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอังกฤษที่มาไทยแน่นอน และมีโรงแรมของไทยที่รับผลกระทบเพราะลูกค้าของโทมัสคุกเข้าพักไปแล้ว แต่ยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ทางบริษัทจะจ่ายเงินให้ ซึ่งส่วนใหญ่มีข้อตกลงจ่ายภายใน 30 วัน แต่โทมัสคุกประกาศล้มละลายเสียก่อน ซึ่งทราบว่ามีหลายโรงแรมแถวจังหวัดพังงา โดนไปแห่งละ 700,000-800,000 บาท
ดังนั้น ททท.จึงประสานให้สมาคมโรงแรมไทยดำเนินการรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมต่างๆ มายัง ททท. เพื่อ นำไปหารือกับสถานทูตอังกฤษและองค์กรของรัฐบาลอังกฤษ อาทิ สำนักงานบริหารหนี้ของอังกฤษ เพื่อติดตามหนี้สิน แต่ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลา 3 ปี 5 ปี หรือนานเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยจะได้มีหลักฐานไปแทงเป็นหนี้สูญในการยื่นภาษีว่าโรงแรมนั้นๆ ได้รับความเสียหายจริง
“กรณีของประเทศไทยจะแตกต่างกับนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ไปตุรกี และอียิปต์ที่ไปเที่ยวแล้วไม่มีเที่ยวบินกลับประเทศ เนื่องจากใช้บริการเครื่องบินของโทมัส คุก เองคือ สายการบิน Condor ที่ไปส่งลูกค้าแล้วไม่รับกลับ จนทางรัฐบาลอังกฤษต้องหาทางช่วยนำกลับให้ แตกต่างจากนักท่องเที่ยวอังกฤษที่มาไทย จะใช้ตั๋วเครื่องบินของสายการบินทั่วไป และเป็นตั๋วแบบไป-กลับ ดังนั้นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบคือ โรงแรม ที่รับลูกค้าของโทมัส คุก เข้าพักแล้วยังไม่ได้รับเงิน ซึ่งในแต่ละปีโทมัส คุก จะจองโรงแรมในไทยปีละ 27,000 ห้อง ซึ่งลูกค้าที่ยังอยู่ระหว่างการเข้าพัก คงต้องให้เป็นดุลยพินิจ ของโรงแรมว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจะขอคิดค่าห้องพักในราคาพิเศษ เป็นต้น”
การล้มละลายของโทมัส คุกเกิดขึ้น แม้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว โฟซุน บริษัทสัญชาติจีน ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดจะตัดสินใจอัดฉีดเงิน 450 ล้านปอนด์ให้แก่ธุรกิจแลกกับการเข้าถือหุ้น 75% ในหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของโทมัส คุก และถือหุ้น 25% ในหน่วยงานด้านสายการบินในเครือบริษัท ซึ่งการยื่นเรื่องล้มละลายนี้ทำให้บริษัทจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบิน และบุคกิ้งทั้งหมดทันที เป็นผลทำให้นักท่องเที่ยวราว 600,000 คนทั่วโลกต้องติดค้างอยู่ในต่างแดน และมีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษกว่า 150,000 คนที่ติดค้างอยู่ในต่างประเทศ
ในแถลงการณ์ที่ออกมานั้น โทมัส คุก ระบุว่า บริษัทขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่แน่นอนของสถานการณ์เบร็กซิท ทำให้การจองตั๋วด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในช่วงวันหยุดฤดูร้อนเลื่อนออกไป ทั้งร้านค้าในเครือที่มีอยู่ราว 600 แห่งทั่วอังกฤษ ก็ต้องเผชิฐกับความกดดันอย่างหนัก ท่ามกลางการแข่งขันจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ปัจจุบัน โทมัส คุก มีพนักงานประมาณ 21,000 คน ในหลายประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นพนักงานที่อยู่ในอังกฤษจำนวน 9,000 คน ซึ่งรายงานระบุว่า บริษัทต้องระดมเงินสดให้ได้ 200 ล้านปอนด์เพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทมีหนี้สินสะสมมากถึง 1,700 ล้านปอนด์
