การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และบ้านฉาง จัดกิจกรรมวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล จังหวัดระยอง ประจำปี 2562 มุ่งสร้างจิตสำนึกขยะคือทรัพยากร เพื่อการทิ้งขยะอย่างถูกที่ และคัดแยกนำกลับมาใช้ใหม่ รวมพลังจิตอาสากว่า 4,500 คน เก็บขยะชายหาดและนำกลับมาใช้ประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
ขยะพลาสติก แก้ว และโลหะที่เก็บได้จะถูกคัดแยกนำไปรีไซเคิล ส่วนขยะทั่วไปจะเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานหรือหมักเป็นแก๊สและปุ๋ยเพื่อการเกษตรต่อไป ภายในงานยังมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการคัดแยกและบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง มุ่งแก้ปัญหาขยะในทะเลอย่างยั่งยืน
วันเสาร์ที่ 3 ของเดือนกันยายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล หรือ International Coastal Cleanup ซึ่งมีการจัดกิจกรรมเก็บขยะชาดหาดพร้อมกันทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ในปีนี้ได้มีกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 ตลอดระยะทางกว่า 15.1 กิโลเมตร ณ บริเวณชายหาดแสงจันทร์-แหลมเจริญ อำเภอเมือง และบริเวณหาดน้ำริน-หาดพยูน-หาดพลา อำเภอบ้านฉาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดระยอง ภายใต้เคมเปญ #PullingOurWeight ซึ่งหมายถึงการรวบรวมปริมาณขยะที่หลุดรอดสู่ท้องทะเลกลับคืนมาเข้าสู่วงจรการบริหารจัดการขยะที่เหมาะสมและครบวงจร
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลตระหนัก และให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาขยะในทะเล โดยการขับเคลื่อนในระดับอาเซียน ที่ได้ผลักดันให้เกิดปฏิญญากรุงเทพ 2019 เรื่องการแก้ไขปัญหาขยะทะเลร่วมกันในอาเซียน 10 ประเทศ และโรดแมพการจัดการขยะพลาสติกของประเทศ
“อย่างไรก็ดีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นภารกิจที่ใหญ่เกินกว่าหน่วยงานใดจะสามารถจัดการได้เพียงลำพัง จึงต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน กิจกรรมในวันนี้เป็นที่น่าชื่นชมโดยเฉพาะการนำขยะที่เก็บได้ไปรีไซเคิลตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับโรดแมพการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ที่ต้องการจะนำพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2570 ถ้าหากเราสามารถขยายผลให้ต่อเนื่องได้ก็จะส่งผลดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาขยะพลาสติกในทะเล ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนไปพร้อม ๆ กัน”
ดร. สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่รวมตัวกันทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อชายฝั่งทะเล และช่วยสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะเพื่อหมุนเวียนใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาขยะในทะเลของประเทศ
ระยอง ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งยังเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยม ระยองมีปริมาณขยะทั้งจังหวัดต่อเดือนเฉลี่ย 30,000 ตัน คิดเป็นขยะพลาสติกประมาณ 9,000 ตัน จึงมีความสำคัญอย่างมากที่ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกันคัดแยกและบริหารจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้ขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมและชายหาดต่าง ๆ
ว่าที่ร้อยตรีพิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า กิจกรรมวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากลมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนแผนพัฒนาจังหวัดด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางระยองโมเดลที่มีเป้าหมายจะทำให้ขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ได้หมดโดยไม่มีขยะพลาสติกไปหลุมฝังกลบเลยภายใน 5 ปี
ภายในงานปีนี้ ยังมีนิทรรศการให้ความรู้ในหัวข้อ “ความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน : ความสำเร็จในการจัดการขยะของชุมชนระยอง” จัดแสดงโครงการนำขยะกลับมาใช้ให้เกิดคุณค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
ตลอด 16 ปี ของกิจกรรมวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากลที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการ หน่วยงาน และประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี สามารถเก็บขยะได้แล้วกว่า 8 แสนชิ้น รวมน้ำหนักทั้งสิ้นกว่า 89,000 กิโลกรัม โดยข้อมูลของขยะที่เก็บได้จะถูกส่งไปยังองค์กรอนุรักษ์ท้องทะเล (Ocean Conservancy) ในสหรัฐ เพื่อรวมกับประเทศอื่น ๆ หาแนวทางการแก้ปัญหาขยะในทะเลอย่างยั่งยืน
36 องค์กรร่วมกิจกรรมวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล จังหวัดระยอง
- การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย
- กลุ่มบริษัท โกลว์
- กลุ่มบริษัทโซลเวย์
- กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี
- บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด
- บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ฝ่ายซ่อมใหญ่อากาศยานอู่ตะเภา
- บริษัท โกรเฮ่ สยาม จำกัด
- บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เจเอสอาร์ บีเอสที อิลาสโตเมอร์ จำกัด
- บริษัท เซกิซุย สเปเชียลตี้ เคมิคอลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ไทยโพลีอะซีทัล จำกัด และ บริษัท ไทยโพลีคาร์บอเนต จำกัด
- บริษัท ไทยอาซาอีเคมีภัณฑ์ จำกัด
- บริษัท บางกอกโคเจเนอเรชั่น จำกัด
- บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด
- บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง
- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
- บริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด
- บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด
- บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ์ จำกัด
- บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)
- บริษัท สยามแผ่นเหล็กวิลาส จำกัด
- บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
- บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด
- บริษัท อินนิออส สไตโรลูชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท อิฮารานิกเกอิ เคมีคัล (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท เอดับบลิวเจ เซอร์วิส แอนด์ ซัพพลาย จำกัด
- บริษัท เอส แอนด์ แอล สเปเชียลตี้ โพลิเมอร์ จำกัด
- บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด
- บริษัท เอ็น-เอส สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด
- บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
- สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ คณะสถิติประยุกต์