กรมอนามัย หนุนนโยบายยกเลิกใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิด ลดผลกระทบสุขภาพประชาชน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อม ย้ำงานวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล พบกระทบต่อแม่-ทารกแรกเกิด แนะ 4 วิธีล้างผักให้สะอาดก่อนกิน และปรุง
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีแนวทางชัดเจนในการยกเลิกใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิดอันตราย ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ที่ใช้ด้านเกษตรกรรมป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยสารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิดนี้ในหลาย ๆ ประเทศ ได้มีการยกเลิกใช้อย่างถาวร สำหรับประเทศไทยจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยมหิดล พบการตกค้างของพาราควอต ในสะดือทารกแรกเกิด และซีรั่มของแม่มากถึง 20 % พบในขี้เทาเด็กทารกแรกเกิดสูงถึง 54.7%
ส่วนคลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต พบในซีรั่มของแม่ และสะดือทารกเด็กแรกเกิดสูงถึง 50.7% และพบการปนเปื้อนในน้ำนมแม่ 41.3% นอกจากนี้ ยังพบการตกค้างของพาราควอตในพืชผักอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อลดการสะสมของสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่ง ไม่ให้มีมากเกินไปในร่างกาย ขอความร่วมมือเกษตรกรงดใช้สารเคมีดังกล่าว ทางเกษตรกรรม เนื่องจากทุกวันนี้การเพาะปลูกของประเทศไทยในหลายพื้นที่ ยังคงมีการใช้สารเคมี เพื่อกำจัดศัตรูพืช และยังมีการตรวจพบการตกค้างของสารเคมีอยู่ในพืชผักอยู่เสมอ
โดยเฉพาะผักสด 10 ชนิด ที่จำหน่ายในท้องตลาด ที่พบว่ามีการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปริมาณที่สูง ได้แก่
- กวางตุ้ง
- คะน้า
- ถั่วฝักยาว
- พริก
- แตงกวา
- กะหล่ำปลี
- ผักกาดขาวปลี
- ผักบุ้งจีน
- มะเขือ
- ผักชี
พญ.พรรณพิมล แนะนำว่า ก่อนกิน หรือนำผักมาปรุงอาหาร จึงต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง หรือการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค โดยมี 4 วิธีดังนี้
- ล้างผ่านน้ำก๊อกที่ไหลนาน 2 นาที หรือ
- แช่ในน้ำผสมเกลืออัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือ
- น้ำผสมน้ำส้มสายชูอัตราส่วนครึ่งถ้วยตวงต่อน้ำ 4 ลิตร หรือ
- น้ำผสมโซเดียม ไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) อัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร
โดยให้แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบ หรือฝักมากเกินไปล้างน้ำหลาย ๆ ครั้ง และคลี่ใบถู หรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านอย่างน้อย 2 นาที เพื่อความปลอดภัย และลดการปนเปื้อนของสารเคมี
“ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจนี้ จะมีการละเว้นเนื้อสัตว์ พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารเจที่ปรุงประกอบจากผักเป็นจำนวนมาก จึงต้องเฝ้าระวังความสะอาดปลอดภัยของสารเคมีในผักให้มากขึ้น “
สำหรับผู้บริโภคที่ปรุงอาหารเจ กินเองในครอบครัว ในช่วงนี้ไม่ควรกินผักนอกฤดูกาล เนื่องจากมีแนวโน้มของการใช้สารเคมีมากกว่าผักตามฤดูกาล ก่อให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้าง และเป็นอันตรายมาก เมื่อได้รับสารนี้ในปริมาณมาก จะทำให้เวียนศีรษะ หน้ามืด ท้องร่วง อาจเกิดหัวใจวาย และเสียชีวิตได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อย ๆ ค่อย ๆ สะสมในร่างกายจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งในระยะยาว