เอบี อินเบฟ ระดมทุนได้ราว 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 152,000 ล้านบาท จากการที่หน่วยงานในเอเชียแปซิฟิคทำไอพีโอที่ฮ่องกง หลังกำหนดราคาไว้ที่ขั้นต่ำสุด
ข้อมูลจากรีฟินิทีฟ แสดงให้เห็นว่า การทำไอพีโอของ “บัดไวเซอร์ บริววิง คัมปะนี เอแพค” หน่วยงานในเครือแอนฮอยเซอร์ บุช อินเบฟ เอ็นวี (เอบี อินเบฟ) ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่สุดของโลกนั้น มีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในปีนี้ รองจากอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ ที่ระดมทุนได้ 8,100 ล้านดอลลาร์ ในการทำไอพีโอเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เอบี อินเบฟ ได้ยกเลิกแผนการที่จะให้บัดไวเซอร์นำหุ้นออกเสนอขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ โดยอาจระดมทุนได้มากถึง 9,800 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างปัจจัยหลายอย่าง รวมถึง สถานการณ์ในตลาด
แถลงการณ์ของเอบี อินเบฟ ระบุว่า กำหนดราคาจำหน่ายไอพีโอของบัดไวเซอร์ไว้ที่หุ้นละ 27 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นขั้นต่่ำสุดในช่วงราคาชี้แนะที่ 27-30 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเงื่อนไขการทำไอพีโอครั้งนี้ ยังรวมถึง การให้ทางเลือก “เพิ่มขนาด” ที่จะทำให้บริษัทสามารถขายหุ้นไอพีโอเพิ่มได้อีก 36.8% ซึ่งบริษัทระบุว่า ได้ใช้ทางเลือกนี้ไปบางส่วนแล้ว
การทำไอพีโอที่เกิดขึ้นนี้ ไม่รวมถึง ธุรกิจที่ออสเตรเลีย ที่บริษัทขายกิจการให้กับอาซาฮี กรุ๊ป ของญี่ปุ่น วงเงิน 11,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้าการทำไอพีโอไม่นานนัก
แหล่งข่าววงในรายหนึ่ง บอกว่า การที่ไม่มีธุรกิจในออสเตรเลียที่เติบโตช้า ทำให้การทำไอพีโอมีความน่าสนใจมากกว่าแผนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ การทำไอพีโอของบัดไวเซอร์ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์เบียร์มากกว่า 50 แบรนด์ รวมถึง สเตลล่า อาร์ทัวส์ และโคโรนา ถือเป็นแรงหนุนที่จำเป็นอย่างมากสำหรับกิจกรรมไอพีโอในตลาดฮ่องกง ที่ยังอยู่ล้าหลังตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ของสหรัฐ คู่แข่งรายสำคัญ
ในปีนี้ นับถึงช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดฮ่องกง ผ่านการจดทะเบียนใหม่ คิดเป็นมูลค่า 10,800 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่ามูลค่าการระดมทุนที่ตลาดนิวยอร์ก ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 41,000 ล้านดอลลาร์