บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์รับสร้างบ้านบนที่ดินก่อตั้งและดำเนินการโดย “พิเชษฐ มณีรัตนะพร” เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2531 จนถึงวันนี้นับเป็นเวลา 31 ปีของการดำเนินธุรกิจ และผ่องถ่ายการบริหารงานสู่รุ่นลูก ซึ่งในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลธุรกิจต่อ ในยุคของโลกที่ขับเคลื่อนด้วย “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” ทำให้ ผู้บริหารเจน 2 ของแลนดี้โฮม มุ่งใช้เทคโนโลยีมาแสวงหาโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนองค์กรให้เติบใหญ่ต่อไป
พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัทแลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะบุตรสาวคนโตของครอบครัว “มณีรัตนะพร” ถือเป็นหัวจักรสำคัญในการวางกลยุทธ์ร่วมกับพี่น้อง เพื่อนำพาธุรกิจให้ฝ่าคลื่นดิสรัปชั่นต่อไปได้ โดยมุ่งใช้ เทคโนโลยีและบิ๊กดาต้า เข้ามาช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ จากการสามารถตอบสนองความต้องการเชิงลึกของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
พรรัตน์ เล่าว่า จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน หลายองค์กรต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการองค์กร และปรับใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยี กับข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อบริหารจัดการความต้องการของลูกค้า และช่วงชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
แต่สำหรับ แลนดี้ โฮมได้มองเห็นโอกาสที่มากกว่านั้น โดยการนำเทคโนโลยี และบิ๊กดาต้ามาให้พนักงานของบริษัทได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างเช่น การเปิดตัว “Landy Home Application” รับปรึกษาแบบและงานขายที่ทันสมัยล่าสุด ในงาน Home Builder & Materials Expo 2019ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกค้า เข้าใจสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น
“หลังจากใช้ Landy Home Application พบว่าบริษัทสามารถเสนอราคาพร้อมกับแบบบ้านที่ลูกค้าได้เลือกไว้ส่งเข้าอีเมล หรือ ไลน์ ของลูกค้าได้ทันที ทำให้ลูกค้าเห็นภาพและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ แลนดี้ โฮม สามารถเพิ่มยอดจองได้ถึง 20% ในงาน Home Builder & Materials Expo 2019”
ทั้งนี้ บิ๊กดาต้าในมุมมองของ แลนดี้โฮม ถือเป็นเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมไอทีรุ่นใหม่ ที่สามารถรองรับการจัดเก็บ การจัดการ กรองเลือกข้อมูล การวิเคราะห์ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมายังไม่มีเครื่องมือมารองรับ หรือยังไม่เคยนำมารวมกันเพื่อตั้งโจทย์ที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจ แต่ก่อนอาจต้องให้สถาบันการศึกษาหรือ หน่วยงานวิจัย ทำแบบสอบถาม การค้นหาผลลัพธ์ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลและดูความสัมพันธ์ เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม จะได้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ แต่ยุคนี้ทุกอย่างลัดขั้นตอน ง่าย เร็ว และเห็นผลชัดมากขึ้น
ขณะที่ปัจจุบัน ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง มีเครื่องมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กูเกิล อนาไลติกส์, กูเกิล แอดเวิร์ดส์ หรือ เฟซบุ๊ก แอดส์ แมเนเจอร์ หากสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็น และคอยเก็บบันทึกข้อมูลเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง จะเกิดบิ๊กดาต้าหรือปริมาณข้อมูลมหาศาล เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อยอดได้ว่า มีคนเข้าคลิกเว็บไซต์จำนวนกี่คน ระยะเวลาที่เปิดหน้าเว็บไซต์ คำค้นหาใดยอดฮิต หรือเป็นสิ่งที่ตลาดมีความต้องการ อยากรู้
“ข้อมูลเหล่านี้มีค่ามาก เพราะมีผลต่อครีเอทหรือทำแคมเปญที่ลูกค้าสนใจ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วให้ฝ่ายการตลาด ทำให้เรามองเห็นความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดฯลฯ เอไอ พัฒนา และ จดจำ ไปคล้ายๆ กับสมองของมนุษย์ การเริ่มต้นใช้เครื่องมือในวันนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับโลกของธุรกิจด้วย”
พรรัตน์ เปรียบเทียบให้เห็นว่า จากเดิมที่ แลนดี้โฮม เน้นสร้างบ้าน เสร็จเร็ว ส่งต่อ รับมอบ หาลูกค้าใหม่ แต่ปัจจุบัน บิ๊กดาต้า ทำให้องค์กร มองวิธีการแข่งขันไม่เหมือนเดิม แม้ว่าจะเป็นผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็ยังต้องพัฒนาต่อเนื่อง โดยนำระบบการบริหารข้อมูลบิ๊กดาต้า มาพัฒนาการบริการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าเคยมาใช้บริการที่ แลนดี้ โฮม ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงบอก ชื่อ – นามสกุล หรือ เบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า กับทางเจ้าหน้าที่ ระบบจะสามารถทำงานต่อจากขั้นตอนเดิมที่เคยทำค้างไว้ได้ทันที ซึ่งจะทำให้การบริการนั้นสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การบริหารข้อมูลบิ๊กดาต้า ยังช่วยทำให้ลูกค้าได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับความต้องการของลูกค้าเองได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วย ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการคัดเลือกข้อมูล ข่าวสาร หรือแม้กระทั่งโฆษณาและโปรโมชั่นที่ไม่เหมาะกับความต้องการของตัวลูกค้า ทางบริษัทเองสามารถคัดสรรข้อมูล ข่าวสาร หรือโฆษณารวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ โดยไม่จำเป็นออกซึ่งช่วยประหยัดงบโฆษณาได้ราว 1% ของยอดขาย
อีกหนึ่งเทคโนโลยี ที่สำคัญมากๆซึ่งช่วยในการบริหารจัดการคือ ระบบการควบคุมงานก่อสร้าง Work Flow System ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อบริหารจัดการ การทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ส่วนงานขาย งานออกแบบ งานก่อสร้าง ตลอดจนในส่วนของการบริการหลังการขายให้เป็นลำดับขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นตั้งแต่ การเปิดใบงาน เพื่อเข้าสู่กระบวนการปฎิบัติงาน เพื่อให้บุคลากรในฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบถึงขั้นตอนการทำงานได้อย่างชัดเจน หากเกิดความล่าช้าในจุดใดก็สามารถทราบได้ทันที ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
“การจัดการอย่างมีประสิทธิภาพนี้เองทำให้ แลนดี้ โฮม สามารถสร้างบ้านได้พร้อมกันเป็นจำนวนมาก เสร็จทันหรือก่อนเวลาส่งมอบ สร้างความประทับใจแบบปากต่อปาก”
สำหรับทิศทางของ แลนดี้ โฮม ในครึ่งปีหลัง ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจากมหกรรมรับสร้างบ้าน เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามารถปิดยอดจองได้ถึง 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 80% และคาดการณ์ว่าจะปิดยอดขายในปี 2562 ได้ตามเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท
แม้ว่าภาวะการแข่งขันในธุรกิจรับสร้างบ้านจะทวีความรุนแรงจากการที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาต่อเนื่อง แต่สำหรับผู้บริโภคแล้ว ยังคงเลือกผู้ประกอบการรายใหญ่และการให้บริการครบวงจร ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น พรรัตน์เชื่อว่า จะเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ แลนดี้โฮม ยังคงความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถเติบโตตามเป้าหมายได้ 5-10% ทุกปี
