Marketing Trends

แค่การตลาด 4.0 ‘ไม่พอ’ แนะ 4 องค์ประกอบกำชัย ‘ยุค 5.0’

เมื่อเทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด จนทำให้พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่า รูปแบบการเติบโตเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาที่สั้นลงเรื่อยๆ สังเกตได้จากแบรนด์ที่ต้องคอยปรับตัวและพยายามสื่อสารกับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การทำ การตลาด 4.0 (Marketing 4.0) ที่เน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ควรก้าวเข้าสู่ยุคการตลาด 5.0

ไชยณัฐ
ไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ

นายไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท Alchemist เปิดเผยว่า การตลาด 5.0 (Marketing 5.0) คือ “Age of personalized Omni-channel experiences” เทรนด์การตลาดแบบใหม่ที่มีข้อมูล หรือ ดาต้า (Data) เป็นเครื่องมือหลักอันทรงพลังในการสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจเฉพาะบุคคล และสำหรับการตลาดยุคนี้ “ข้อมูล” ก็เปรียบเสมือนบ่อน้ำมันที่รอให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีความรู้ความเข้าใจขุดเจาะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์นั่นเอง

สำหรับแบรนด์ หากสามารถนำดาต้าที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้กับการทำการตลาดได้ถูกที่ถูกทาง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือความเข้าใจลูกค้าที่ไม่ได้เกิดจากการ สอบถามความเห็นเท่านั้น แต่เป็น ข้อเท็จจริงที่จับต้องได้จริง โดยมีพฤติกรรมของลูกค้าเป็นเครื่องยืนยันนั่นเอง

ทั้งนี้ องค์ประกอบของการทำ Marketing 5.0 ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ได้แก่

– ส่วนแรกคือ ออมนิ-ชาแนล (Omni-channel) การใช้ ช่องทางที่หลากหลายเพื่อสื่อสารกับลูกค้า ลองนึกภาพตามว่าถ้าเราต้องการจะคุยกับคนหนึ่งคน เราสามารถพูดคุยกับเขาผ่านช่องทางใดบ้าง เช่น อีเมล SMS หรือไลน์ เมื่อนึกตามแล้ว จะพบว่าไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองช่องทาง หรือจำกัดแค่ในออนไลน์หรืออฟไลน์เท่านั้น และในแต่ละช่องทาง เขาก็มีวิธีการตอบสนองที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

1 9

– ส่วนที่สองคือ Personalized หรือ การเจาะจงเฉพาะบุคคล เพราะในยุค 5.0 รูปแบบการสื่อสารถูกพัฒนาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น ละเอียดยิ่งขึ้น การสื่อสารข้อความ (Message) จากแบรนด์จึงต้องถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการหรือความชอบของคนๆ นั้น แปลว่า ถ้าต้องการสื่อสารกับคนหนึ่งล้านคน แบรนด์อาจจะต้อง Personalize Message ออกมาหนึ่งล้านรูปแบบ เพื่อให้ตรงกับความสนใจของแต่ละคน

– ส่วนที่สามคือ Automation หมายถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาทำงานทดแทนการใช้ชั่วโมงการทำงานต่อคนเป็นจำนวนมาก หรือเกินความสามารถที่มนุษย์จะทำได้ เช่น การ Personalize Message การออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะบุคคลและพิมพ์ข้อความ 1 ล้านรูปแบบเพื่อส่งออกไป อาจกลายเป็นต้นทุนมหาศาลทั้งด้านเวลา ราคาและทรัพยากรบุคคล หากไม่มีเครื่องมือรองรับที่ดีและมีประสิทธิภาพมากพอ ส่วนนี้คือ Automation ที่เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยงานของมนุษย์ให้รวดเร็วขึ้นได้

– ส่วนสุดท้ายคือ Predictive หมายถึง การทำการตลาดที่ใช้อินเทลลิเจนซ์เข้ามาช่วย ทำให้ไม่ใช่แค่เข้าใจลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถเรียนรู้และคาดการณ์พฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำp

จะเห็นว่าทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวประกอบกันเป็น Marketing 5.0 โดยแต่ละส่วนจะเข้ามาช่วยจัดการและใช้งานดาต้าที่แบรนด์มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำการตลาด (Data – Driven Marketing) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดปัจจุบันกำลังมองหาเพิ่มมากขึ้น

2 13

นอกจากนี้ ความคิดสร้างสรรค์หรือการสื่อสารที่ทรงพลังก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป หากขาดการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้า ดังนั้น การทำ CRM (Customer Relationship Management) จึงเป็นอีกส่วนสำคัญที่แบรนด์ควรทำควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากดาต้า

สำหรับ Alchemist เชื่อมั่นในการทำ Data – Driven Marketing ที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้าได้ และในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Salesforce แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) อันดับหนึ่งของโลก จึงนำเครื่องมือที่ชื่อว่า Salesforce Marketing Cloud มาใช้ในการทำซีอาร์เอ็มให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คือการเข้ามาสร้างประสบการณ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าให้มีความพิเศษและเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ Message ที่ส่งออกไปตรงใจและตรงกับความต้องการของลูกค้านั่นเอง

Avatar photo