“โออาร์” เดินหน้าเตรียมความพร้อมจดทะเบียนในตลาดฯปีหน้า มั่นใจตอบโจทย์ประเทศ ช่วยจ้างงาน -สร้างเศรษฐกิจฐานราก-ยกระดับเอสเอ็มอี จับมือกสิกรดึงอี-วอลเล็ตใช้ในปั๊มครั้งแรก รองรับสังคมไร้เงินสด หลังประเมินปีหน้าโตกว่า 60% เล็งลงทุนขยายตู้ชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ต่อเนื่อง
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ กล่าวถึงความคืบหน้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2563 ว่า อยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อม เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ส่วนจะดำเนินการได้ในไตรมาสไหนนั้นยังตอบไม่ได้
โดยขั้นตอนแล้ว จะต้องทำแผน และข้อมูลให้เรียบร้อยทั้งหมด เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการโออาร์ และบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทแม่ และเสนอแผนต่อกระทรวงพลังงาน
นางสาวจิราพร ระบุว่า มั่นใจได้ว่า การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของโออาร์จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการดูแล และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยปัจจุบันโออาร์ก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่กว่า 60,000 คนจากปั๊มน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่มีในประเทศกว่า 1,800 แห่ง รวมถึงร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่มี 2,700 สาขา
และแต่ละสาขายังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชนภายใต้โครงการไทยเด็ด และโครงการนี้ยังมีเป้าหมายช่วยยกระดับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ด้วย
ทั้งนี้ในจำนวนปั๊มน้ำมันพีทีที สเตชั่นที่มีอยูทั้งหมด เป็นปั๊มในประเทศ 1,800 แห่ง ต่างประเทศ 270 แห่ง มากกว่า 80% เป็นปั๊มของดีลเลอร์ รวมถึงร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่มี 2,965 สาขา อยู่ในประเทศ 2,700 สาขา และต่างประเทศ 200 สาขา ซึ่งการบุกตลาดต่างประเทศของเรา ก็จะนำเอสเอ็มอีไปด้วย ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตไปด้วยกัน
นอกจากนี้ในภาวะวิกฤติต่างๆยังเป็นกลไกสนับสนุน และช่วยเหลือประชาชน เช่น อุทกภัยที่ได้เปิดพื้นที่ปั๊มเป็นศูนย์พักพิงช่วยในหลายๆจังหวัด
อีกทั้งปั๊มพีทีที สเตชั่น ยังสนับสนุนการเติบโตของพลังงานทดแทน โดยเฉพาะไบโอดีเซล ซึ่งปัจจุบันดีเซล บี 10 ถือว่าการใช้เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีขายอยู่ในปั๊ม 100 แห่ง สิ้นปีจะขยายเป็น 150 แห่ง ส่วนบี 20 มีขายในกว่า 500 ปั๊ม
“เรายึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการมาโดยตลอด ดังนั้นไม่กังวลว่าการเข้าตลาดฯของโออาร์จะถูกโจมตี ประกอบกับที่ผ่านมาปั๊มน้ำมันของโออาร์ก็ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้ชุมชน ในการนำสินค้าชุมชนมาขายในปั๊ม สร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี และเป็นกลไกช่วยเหลือเมื่อสินค้าราคาตกต่ำ และเมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากเกิดภัยพิบัติ ”
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า โออาร์ยังสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ๆ สอดรับกับทิศทางของโลกอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาใช้งานมากขึ้น ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์และเริ่มติดตั้งตู้ชาร์จไฟฟ้าที่ปั๊มน้ำมันแล้ว 21 สาขา ลงทุนตู้ล่ะ 500,000 บาทสำหรับการชาร์จแบบทั่วไป และ 1.5 ล้านบาทสำหรับการชาร์จแบบเร็วและจะเริ่มขยายไปในปั๊มของดีลเลอร์ต่อไป
และสุดท้ายเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งจำนวนมากขึ้น การขายน้ำมันจากฟอสซิลก็จะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ขณะที่บริเวณอื่นๆก็จะรายล้อมไปด้วยที่ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ และพื้นที่สนับสนุนสินค้าชุมชน
รวมไปถึงดึงนวัตกรรมใหม่มารองรับยุคดิจิทัลที่กำลังเป็นสังคมไร้เงินสด โดยประเมินว่าในปี 2563 การใช้จ่ายเงินผ่าน “อี-วอลเล็ต (e-Wallet)” จะเพิ่มขึ้นถึง 50-60% โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน
ดังนั้นเราพัฒนา แอปพลิเคชั่น “บลู คอนเนค” เพื่อเพิ่มความสะดวก และรวดเร็วในการชำระเงินของผู้บริโภคด้วย “อี วอลเล็ต” ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้นด้วย โดยพัฒนาร่วมกับธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้เพื่อช่วยลดเวลา และภาระในการบริหารจัดการเงินสดของร้านค้า และสนับสนุนแนวคิดสังคมไร้เงินสด แคชเลต โซไซตี (Cashless Society) ในยุคดิจิทัลตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
พีทีที สเตชั่น ถือเป็นบริษัทน้ำมันรายแรกในประเทศไทยที่พัฒนาระบบนี้ขึ้น และนำมาใช้กับปั๊ม และร้านค้าในเครือโออาร์ ได้แก่ คาเฟ่ อเมซอน ,เท๊กซัส ชิคเก้น ,ฮั่งเซ่งฮง ติ่มซำ ,แด๊ดดี้ โด ,ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ,ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ และร้านชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที
โดยลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น บลู คอนเนค และเชื่อมต่อกับการสะสมคะแนนของบัตรพีทีที บลูการ์ด เริ่มใช้ในวันนี้ ( 20 ก.ย.) เป็นต้นไป
โปรโมชั่นพิเศษ คือ เติมเงินในแอปพลิเคชั่น บลู คอนเนค 500 บาทขึ้นไปรับเพิ่ม 50 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2562 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 50 บาทเมื่อสะสมรายการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น บลู คอนเนค ที่ร้านค้าในเครือ โออาร์ ที่ร่วมรายการตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2562
