ฟุตบอลโลก 2018 รอบ16 ทีมสุดท้ายประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 มีการแข่งขันสองคู่
คู่แรก “เจ้าภาพ” รัสเซีย ลงสนามเจอ “กระทิงดุ” สเปน ซึ่งเกมนี้ต้องยืดเยื้อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที 1-1 โดยสเปนออกนำก่อนจากสกัดข้าประตูตัวเองของ เซอร์เกย์ อิกนาเชวิช ในนาที 12 ก่อน”หมีขาว” จะมาได้จุดโทษจากจังหวะปีเก้ไปทำแฮนด์บอลและเป็น อาร์เต็ม ดีซูบา รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด เจ้าภาพตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 40
จากนั้นครึ่งหลังสเปนครองบอลมากกว่าแทบจะพับสนามบุกแต่กลับหาโอกาสเข้าไปจบสกอร์ได้น้อยมากทำให้ต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษแต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ ต้องไปดวลลูกจุดโทษ และเป็นรัสเซียที่ยิงได้แม่นกว่าเอาชนะไป 4-3 โดยรัสเซียยิงไม่พลาดเลยทั้งฟิโอดอร์ สโมลอฟ,เซอร์เกย์ อิกนาเชวิช,อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน และ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ขณะที่สเปนที่ได้ยิงก่อนยิงเข้าเพียง อันเดรส อิเนียสต้า,เคราร์ด ปิเก้ และ เซร์คิโอ รามอส ส่วน โกเก้ กับ ยาโก้ อัสปาส โดนอิกอร์ อากินเฟเยฟ เซฟได้ทำให้เจ้าภาพผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
อีกคู่โครเอเชีย พกดวงมาเต็มกระเป๋า หลังโดนนำตั้งแต่ไก่โห่ มาเธียส ยอร์เก้นเซ่น ยิงให้เดนมาร์กตั้งแต่ยังไม่ถึงนาทีแรก แต่ดวงเฮงได้ประตูตีเสมอแบบโชคช่วยจาก มาริโอ มานด์ซูคิช แม้ในช่วงต่อเวลาอีก 30 นาที จะได้โอกาสทองฝังเพชรได้จุดโทษ แต่ ลูก้า โมดริช ยิงไปโดน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้อย่างสุดยอด ทำให้ต้องมาชี้ขาดลูกจุดโทษ
ในการดวลเป้าดานิเยล ซูบาซิช กลายเป็นฮีโร่ตัวจริงโชว์ความเหนียวป้องกันถึง 3 เซฟ(คริสเตียน เอริคเซ่น,ลาสเซ่ โชน , นิโคไล ยอร์เกนเซน) ก่อนพาทีมเอาชนะเดนมาร์กไปได้ 3-2 ลอยลำเข้าไปในรอบ 8 ทีมสุดท้ายดวลกับ รัสเซีย เจ้าภาพ
