นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติ ธนาคาออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะ 2 เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท รองรับการปล่อยกู้ให้กับรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน กำหนดปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน 5 หมื่นบาทต่อราย คิดดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 5 ปี โดยใช้บุคคลค้ำประกัน แต่ไม่นำข้อมูลเครดิตบูโรมาพิจารณาสินเชื่อ กำหนดยื่นกู้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
ทั้งนี้ หลังจากช่วงต้นปี 1 มกราคม 2561 ครม.อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการเฟส 2 ไปแล้ว วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ทำให้วงเงินสำหรับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบผ่าน ธ.ก.ส.และธนาคารออมสิน รวม 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากโครงการดังกล่าว 0.41% ช่วยเหลือชาวบ้านที่มีปัญหนี้นอกระบบประมาณ 6 แสนราย
นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.ปรับเพดานบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2561 หลังจากจัดสรรงบกลางปีเพิ่ม 1.5 แสนล้านบาท จึงได้เพิ่มยอดเงินกู้ 8.59 หมื่นล้านบาท ทำให้มีภาระเงินกู้ปี 2561 เพิ่มเป็น 1.588 ล้านล้านบาท จากเดิมยอดหนี้ 1.502 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ การกู้เงินเพิ่มดังกล่าวทำให้ภาระหนี้สาธารณะของประเทศมีสัดส่วนเพิ่มจาก 42.7% ของจีดีพี เป็น 42.8% โดยยังไม่เกินกรอบความยั่งยืนทางการคลัง 60% สำหรับร่างพระราชกำหนดทรัพย์สินดิจิทัลอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะยังมีหลายหน่วยงานแสดงความเห็นเพิ่มในการออกกฎหมายดังกล่าว โดยจะขอเปิดเผยรายละเอียดเมื่อประกาศราชกิจจานุเบกษา วันนี้ ครม.จึงไม่ได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
