Sme

เผยสูตรปรุงสินค้าให้ ‘นัวคัก’ เจาะ 2 ทำเลทอง ‘สปป.ลาว’

วันนี้ สปป.ลาว กำลังเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ของผู้คน รวมทั้งเป็นประเทศน้องใหม่ที่ควรค่าการลงทุน ทั้งด้วยปัจจัยจากอัตราการขยายตัวของ จีดีพี ที่มีกราฟพุ่งอย่างต่อเนื่อง ทรัพยากรธรรมชาติที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนแลนด์มาร์คที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ประตูการค้าหรือแลนด์ลิ้งค์”(Land link) เพราะมีพื้นที่ที่ยาวและมีพรมแดนดินต่อกับประเทศที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าลาวจะมีประชากรเพียงแค่ 7 ล้านคน แต่ทรัพยากรเหล่านี้มีกำลังซื้อที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ที่เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งครองใจผู้บริโภคชาวลาวมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น

การค้าชายแดน

ล่าสุด กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ได้ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดโครงการสัมมนา “ติวเข้ม…รู้ลึก รู้จริง รู้ใจลาว” เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้มีความรู้และเข้าใจการทำธุรกิจในประเทศลาว รวมทั้งเปิดโอกาสให้เห็นช่องทาง และพื้นที่ที่เหมาะแก่การเข้าไปลงทุน ตลอดจนเข้าถึงพฤติกรรมการเลือกสินค้าและการบริโภคของชาวลาวแบบอินไซด์

สำหรับทำเลทองที่เป็นโอกาสเจาะตลาด 2 ทำเล ในลาวตอนเหนือ ได้แก่ “แขวงอุดมไซ” ที่มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองสิบสองปันนา ของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันถูกจัดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยมีการลงทุนของต่างประเทศมากถึง 36 โครงการ รวมถึงโครงการสร้างสร้างสมาร์ทซิตี้(Smart city)  ถือว่าเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้เข้าไปลงทุนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ แขวงอุดมไซเป็นเมืองที่รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาววิ่งผ่าน โดยในอนาคตจะถูกขยายให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าและการดรอปสินค้ามากยิ่งขึ้นซึ่งถือว่าเป็นการรองรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวที่จะเปิดบริการภายในปี 2564 ดังนั้นการทำธุรกิจในด้านโลจิสติกส์ จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตในแขวงนี้

ตลาดต่อมาคือ “แขวงหลวงน้ำทา” ด้วยกายภาพที่มีเขตติดต่อกับหลายประเทศ รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งเมืองที่รถไฟไทยจีน-ลาวตัดผ่าน ส่งผลให้การเดินทางและการขนส่งจะมีความรวดเร็ว ทำให้แขวงหลวงน้ำทากลายเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามอง และมีศักยภาพในด้านลงทุนสูงมาก  ในอนาคตแขวงหลวงน้ำทาจะกลายเป็นด่านพรมแดนที่สำคัญที่จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ภาพไลฟ์สไตล์ลืกซื้อสินค้า
A couple shopping for food

นอกจากนี้แขวงหลวงน้ำทาตั้งอยู่บนเส้นทาง R3 ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อม ไทย (เชียงราย) – ลาว – จีน (คุนหมิง) โดยบริเวณด่านสากลบ่อเต็น ทำให้กลายเป็นจุดขนถ่ายสินค้าเข้าสู่จีนทั้งทางบก และทางแม่น้ำโขงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง

เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมการเลือกสินค้าของชาวลาว พบว่า มักจะเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและเชื่อมั่นกับสินค้ายี่ห้อเดิมที่เคยใช้เป็นประจำและเชื่อมั่นว่าสินค้าที่ออกสูตรใหม่ต้องดีกว่าสูตรเดิมเสมอ ดังนั้นหากมีการผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ จะต้องระบุชัดเจนว่าเป็น “สูตรใหม่” และคุณภาพของสินค้าจะต้องดีกว่าสูตรเดิม และต้องรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อสินค้า

เนื่องจากชาวลาวส่วนมากมักจะเชื่อมั่นคนรอบข้างลักษณะการพูดกันแบบปากต่อปากมากกว่าโฆษณา ดังนั้นหากสินค้าไม่ดีจริงย่อมมีผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ชาวลาวยังเชื่อเรื่องความหมายของคำ ฉะนั้นชื่อสินค้าจะต้องเป็นคำที่มีความหมายมงคล เช่น “มีทรัพย์” “มีโชค” และควรเป็นชื่อที่ง่ายต่อการจดจำด้วย

อย่างไรก็ตาม ชาวลาวเชื่อมั่นในสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่สินค้าไทยจะมีโอกาสส่งออกและเจาะตลาดลาวได้ ส่วนการทำการตลาดออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการไม่ควรเน้นการขายสินค้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพียงช่องทางเดียว เพราะอัตราการใช้เฟสบุ๊คของชาวลาวมีเพียง 2% เท่านั้น

หากต้องการทำโฆษณาควรเลือกใช้ข้อความจูงใจหรือเลือกติดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนและทั่วถึง เช่น ติดตามรถรับจ้าง หรือตามข้างทาง แต่วิธีการนี้จะต้องระวังเรื่องการใช้ภาษาแม้ว่าภาษาอีสานของไทยจะคล้ายกับภาษาลาวแต่ความหมายของคำบางคำต่างกัน

ภาพประกอบบทความสัมนารู้ลึกรู้ใจลาว

นางสาวยานี ศรีมีชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวว่า หากจะเข้าไปทำธุรกิจใน สปป.ลาว ผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องมองหาทำเลใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโตทั้งระบบการขนส่ง และการขนถ่ายสินค้า โดยเฉพาะพื้นที่สปป.ลาวตอนเหนือ ในแขวงอุดมไซ และแขวงหลวงน้ำทา เนื่องจากทั้งสองเมืองเป็นเมืองที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศจีน และกำลังจะมีรถไฟลาว-จีนระยะทาง 421 กิโลเมตร ที่มีบริการทั้งแบบขนสินค้าใช้ความเร็ว120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และขนผู้โดยสารใช้ความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเปิดให้บริการปี 2564  ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมความพร้อมที่จะผลักดันสินค้าไทยให้ต่อยอดออกไปยังประเทศอื่นๆ

ด้านนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กล่าวว่า สถาบันได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการทำธุรกิจในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย

ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดโครงการสัมมนา“ติวเข้ม…รู้ลึก รู้จริง รู้ใจลาว” เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รู้ทิศทางการทำธุรกิจในสปป.ลาวและให้ความสำคัญในการถ่ายความรู้และมุ่งเน้นการยกระดับบริการภาครัฐด้วยนโยบาย “Sharing Economy” หรือ “เศรษฐกิจแบ่งปัน”

Avatar photo