ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในวันนี้ (29 มิ.ย.) เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 สัปดาห์ ในการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันเงินรูเปียะห์ไม่ให้โดนเทขายในตลาดเกิดใหม่
การขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยล่าสุดของอินโดนีเซีย ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5.25% จากเดิมที่ 4.75%
ในปีนี้ รูเปียะห์ สกุลเงินหลักของอินโดนีเซียอ่อนค่าลงมาแล้วมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่า 14,000 รูเปียะห์ต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนพากันเทขายเงินรูเปียะห์ และเงินสกุลอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นหลัก เพราะต้องการที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
กาเรธ ลีเธอร์ นักเศรษฐศาสตร์เอเชียอาวุโส จากแคปิตัล อิโคโนมิคส์ บริษัทด้านการวิจัย แสดงความเห็นว่า การขึ้นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะอ่อนแอลง และเงินเฟ้อแทบไม่มีการเคลื่อนไหว บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เป้าหมายหลักของธนาคารกลางอยู่ที่การหนุนค่าเงินรูเปียะห์
ในขณะที่การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ อาจช่วยสกัดขาลงของค่าเงินได้ แต่ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น ก็อาจบั่นทอนความพยายามที่จะหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอยู่
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ปรับลดดอกเบี้ยมาหลายครั้ง ในความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่มีขนาดใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่จะเริ่มกลับมาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อินโดนีเซียตั้งเป้าการเติบโตรายปีไว้ที่ 7% แต่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 5% เท่านั้น
