“นายกรัฐมนตรี” ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ระบุ “ในหลวง-ราชินี” ทรงห่วงประชาชน พร้อมขอให้มั่นใจรัฐบาล หยอดคำหวาน “รักทุกคนนะจ๊ะ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของเทศบาล อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี พร้อมกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงมีความห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยได้มีการพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือ และโรงครัวพระราชทาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นห่วงทั้ง 32 จังหวัดที่ประสบภัย อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอากาศเช่นนี้ได้อย่างไร มาวันนี้ (9 ก.ย.) เพื่อติดตามการแก้ปัญหาทั้งการช่วยเหลือเฉพาะหน้าในช่วงน้ำท่วม และการเยียวยาหลังน้ำลด รัฐบาลเตรียมงบประมาณไว้แล้ว แต่ต้องใช้เงินอย่างคุ้มค่าและประหยัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันได้บูรณาการงานกว่า 70 หน่วยงาน วางแผนแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบด้วย โดยมี สทนช.เป็นหน่วยงานหลัก เช่น การเพิ่มพื้นที่ชลประทาน การนำน้ำลงเขื่อน เชื่อมโยงระบบน้ำทั้งแม่น้ำ คู คลอง แม่น้ำสาขา ทำคู่กันทั้งการระบายน้ำและการเก็บกักน้ำรวมทั้งการทำแก้มลิง หากเป็นพื้นที่ของประชาชน ต้องหาทางเจรจาและชดเชย เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภค จะต้องทั่วถึงทุกพื้นที่
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ชลประทาน โดยต้องดูความเชื่อมโยงว่าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่จะกักเก็บน้ำได้อย่างไร ขณะเดียวกันต้องมองถึงการระบายน้ำและนำน้ำที่ระบายไปกักเก็บน้ำไว้ที่ใดที่หนึ่งเพื่อใช้ในฤดูแล้ง จึงต้องขอความร่วมมือในการเสียสละ แต่ไม่ให้ทุกคนเสียสละโดยเปล่า ๆ อยู่แล้ว ส่วนการทำการเกษตร ต้องให้ความสำคัญเรื่องการใช้สารเคมี เพราะทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยตระหนักว่า ผู้บริโภคต้องมีความปลอดภัยในมาตรฐานสากลของโลก และการค้าของไทยผูกพันกับทั่วโลก รัฐบาลเดินหน้าเจรจาการค้าหาตลาดเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่ได้ห้ามปลูกข้าว แต่ต้องคิดว่าเราจะอยู่อย่างไร หากเสียหายซ้ำซากในพื้นที่ที่ซ้ำซาก ต้องมาคิดกันว่า ต้องหาอาชีพใหม่หรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเกษตกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผล ขอให้เข้าใจว่าราคาสินค้าเกษตรเป็นไปตามกลไกความต้องการของตลาดโลก แต่รัฐบาลมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ เช่น เกษตรแปลงใหญ่ การใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงใช้สารเคมี รวมทั้งการหาตลาดเพิ่มเติมทั้งยุโรป เอเชีย และอาเซียน โลกกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กระทบอาชีพและชีวิต เราต้องเรียนรู้ ใช้ประโยชน์ อาทิ การค้าออนไลน์ ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งรัฐบาลและประชาชน เพื่อการพัฒนาประเทศ ทุกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต้องเป็นระเบียบ วันนี้ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันการเงิน หน่วยราชการ จิตอาสา โรงครัวพระราชทาน ที่มาร่วมกันช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วย
“ทุกคนต้องรักกัน และรัฐบาลผนึกรวมให้แต่ละภูมิภาค ค้าขายในผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกัน ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า ทุกพรรคการเมืองในรัฐบาลจะช่วยกัน อะไรที่เป็นประโยชน์แล้วทำได้ก็จะทำ จะไม่ยอมให้อะไรขัดขวางการพัฒนาประเทศ คนกำลังเดือดร้อน น้ำกำลังท่วม มีอะไรสำคัญกว่านี้หรือไม่ ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยบังคับใคร เมื่อประเทศชาติมีภัยทุกคนต้องร่วมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราต้องฟังคนที่พูดความจริงใช่หรือไม่ เราต้องไม่ทะเลาะกันใช่หรือไม่ พอแล้วไหม มีใครอยากฟังเพลงหรือไม่ อุบลรักนายกฯ บ้างหรือเปล่า ไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงฉันก็รักเธออยู่แล้ว ขอบคุณนะจ๊ะ ไปแต่ตัว ฝากหัวใจไว้ที่นี่ รักทุกคนนะจ๊ะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย ก่อนตรวจสถานการณ์ระดับน้ำท่วม พูดคุยกับผู้ประสบอุทกภัยและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจ.อุบลราชธานี พร้อมเดินสำรวจถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 23 ขอนแก่น – อุบลราชธานีช่วงถนนแจ้งสนิท จากอุบลราชธานี – ยโสธร ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.50 เมตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
