เป็นประจำทุกปีที่ภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ บริษัทในเครือสหพัฒน์ จะมีการลงนามสัญญาความร่วมมือ เพื่อขยายโอกาสการลงทุนใหม่ สำหรับการจัดงาน ครั้งที่ 22 ในปีนี้ หนึ่งในโครงการลงนามความร่วมมือสำคัญ คือการร่วมทุนกับ Komehyo บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ที่ก่อตั้งในปี 2490 หรือกว่า 70 ปี ธุรกิจร้านขายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น
สำหรับความร่วมมือระหว่างสหพัฒน์และ โคเมะเฮียว ญี่ปุ่น เป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ Komehyo โดยไทยถือหุ้น 51% และ โคเมะเฮียว 49% เพื่อเปิดแฟลกชิพ สโตร์ แห่งแรกที่กรุงเทพฯ ในปี 2562 ถือเป็นสาขานอกญี่ปุ่นแห่งแรกในอาเซียน
ชูแนวคิด Relay Use เจาะตลาดไทย
ทาคุจิ อิชิฮาระ (Takuji Ishihara) ประธาน โคเมะเฮียว (Komehyo) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าโคเมะเฮียว เปิดดำเนินการมากว่า 70 ปี ปัจจุบันมีสาขาในประเทศญี่ปุ่น 33 สาขา ครอบคลุมภูมิภาคใหญ่ๆ อย่างคันโต คันไซ จูบุ รวมทั้งเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า นอกจากนี้ได้ขยายสาขาไปยัง ฮ่องกง, เซียงไฮ้, ปักกิ่ง แห่งละ 1 สาขา จำหน่ายสินค้าทั้งมือหนึ่งและมือสองแบรนด์เนม เช่น เครื่องประดับ นาฬิกา กระเป๋า และเสื้อผ้า
แต่ละสาขาจะมีขนาดพื้นที่แตกต่างกัน เช่น นาโกย่า สาขาแรกมีขนาดใหญ่กว่า 6,000 ตร.ม. สาขาชินจูกุ พื้นที่ 2,400 ตร.ม. เป็นต้น
กลยุทธ์การทำตลาดแบรนด์เนมมือสองของ “โคเมะเฮียว” คือการเป็นตัวกลางส่งผ่านสินค้าตามแนวคิด Relay Use หรือ สิ่งของถูกส่งต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เพื่อนำใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้มีการใช้งานต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูงสุด
โคเมะเฮียว มีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ทั้งด้านอัญมณี เครื่องประดับ นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม และอื่นๆ กว่า 100 คน ตั้งแต่การตรวจสอบสินค้าว่าเป็นของแท้หรือไม่ในการรับซื้อสินค้าและก่อนจำหน่าย รวมทั้งมีมาตราการดูแลรักษา ทำความสะอาด และปรับปรุงสินค้าให้อยู่ในสภาพดีใกล้เคียงสินค้าใหม่
“หัวใจธุรกิจของโคเมะเฮียว ไม่ได้อยู่ที่การขายสินค้า แต่อยู่ที่การรับซื้อสินค้าแบรนด์เนมด้วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในแหล่งที่มีผู้ใช้สินค้าแบรนด์เนมจำนวนมหาศาล อีกทั้งคนไทยที่ไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เป็นลูกค้า โคเมะเฮียว จำนวนมาก ทำให้มั่นใจเข้ามาลงทุนร่วมกับเครือสหพัฒน์”
สำหรับโคเมะเฮียว ในประเทศไทยเน้นจำหน่ายแบรนด์เนมมือสอง ประเภท กระเป๋า นาฬิกา โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นเข้ามาตรวจสอบสินค้าดังกล่าวประจำสาขาประเทศไทย
ปัจจุบันสินค้าแบรนด์เนมมือสองในญี่ปุ่นมีมูลค่า 1.7 ล้านล้านเยน สำหรับโคเมะเฮียว มีรายได้ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4 หมื่นล้านเยน สำหรับลูกค้าไทยที่มาซื้อแบรนด์เนมมือสองในโคเมะเฮียว ญี่ปุ่น ปีก่อนมีมูลค่า 500-600 ล้านเยน โดยนักท่องเที่ยวไทยเป็นอันดับ 2 ที่เข้าไปซื้อสินค้าที่โคเมะเฮียว ญี่ปุ่น รองจากนักท่องเที่ยวจีน
ขยายรีเทลลักชัวรีเสริมพอร์ตสหกรุ๊ป
วิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทมองโอกาสขยายธุรกิจร่วมกับโคเมะเฮียวมา 4 ปี ซึ่งการร่วมทุนโคเมะเฮียว ธุรกิจจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ถือเป็นการขยายธุรกิจใหม่ทั้งรีเทล ลักชัวรี และแบรนด์เนมหรู เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอของเครือสหพัฒน์ และขยายลูกค้ากลุ่มเฉพาะเจาะจง จากเดิมเป็นฐานลูกค้ากลุ่มแมส
ปัจจุบันตลาดสินค้าแบรนด์เนมในไทยมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท ถือเป็นตลาดที่เติบโตสูง ลูกค้าแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 50% และคนไทย 50% ในกลุ่มลูกค้าคนไทยมองโอกาสที่จะเป็นลูกค้าแบรนด์เนมมือสองสัดส่วน 20%
“การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องมีการลงทุนโรงงานเพื่อผลิตสินค้า แต่ร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน และมีกำไรไม่ต่ำกว่า 30% สูงกว่าการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค”
ที่ผ่านมาทั้งการซื้อและการขายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง จะอยู่ในช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ยังมีความกังวลเรื่องสินค้าว่าจะเป็นของแท้หรือไม่ ดังนั้นการเปิดช็อปโคเมะเฮียว จะเป็นช่องทางให้บริการลูกค้าในประเทศไทยที่มีมาตราฐานจากประเทศญี่ปุ่น
