อินโดนีเซียอยู่ระหว่างจัดทำร่างภาษีฉบับปรับปรุงใหม่ เพื่อให้บริษัทเทคโนโลยี อย่าง กูเกิล และอเมซอน ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
นางมุลยานิ อินทราวตี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ในการยกเครื่องระบบจัดเก็บภาษีใหม่นี้ บรรดาบริษัทเทคโนโลยี จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “สถานประกอบการถาวร” ที่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอินโดนีเซีย ไม่ว่าบริษัทรายนั้นๆ จะมีการเปิดสำนักงานในประเทศหรือไม่ก็ตาม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย บอกด้วยว่า การกำหนดสถานะดังกล่าวเป็นเพราะบริษัทเหล่านี้ มีส่วนร่วมอยู่ในเศรษฐกิจอย่างมาก แม้ว่าจะไม่มีสาขาอยู่ในอินโดนีเซียก็ตาม พร้อมยกตัวอย่างบริษัทที่เข้าข่ายจะโดนจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใต้ร่างกฎหมายฉบับปรับปรุงใหม่ รวมถึง กูเกิล อเมซอน และเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งปัจจุบัน อินโดนีเซียกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้า และบริการต่างๆ ไว้ที่ระดับ 10%
เมื่อปี 2559 กูเกิลเคยมีข้อโต้แย้งกับอินโดนีเซีย เกี่ยวกับข้อกล่าวว่าหลบเลี่ยงภาษี รวมถึง การไม่จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรายได้จากโฆษณา ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะยอมความกัน โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด
ร่างกฎหมายภาษีฉบับปรับปรุงใหม่ ที่ต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภาก่อนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปภาษีในวงกว้างของอินโดนีเซีย ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล และดึงดูดการลงทุน
ระหว่างการหาเสียง ที่ทำให้ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้รับชัยชนะกลับเข้ามาบริหารประเทศอีกสมัยหนึ่งนั้น เขาได้ให้คำมั่นว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะรวมถึง การลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งตามแผนที่วางไว้นั้น รัฐบาลอินโดนีเซียจะลดอัตราภาษีในส่วนนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 20% จาก 25% ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ส่วนบริษัทจดทะเบียน ที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดอย่างน้อย 40% จะเสียภาษีในอัตรา 17% จากระดับ 20% ในขณะนี้
นางอินทราวตีบอกด้วยว่า จะเสนอให้มีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีรายได้สำหรับเงินปันผล ที่ได้มาจากการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ หากมีการนำเงินจำนวนนี้กลับมาลงทุนในประเทศ
อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลอินโดนีเซีย จะนำเสนอร่างกฎหมายภาษีฉบับปรับปรุงใหม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อใด