ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.ย.) ยังตกอยู่ภายแรงกดดันจากความวิตกในเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ ทำให้ตลาดเคลื่อนไหวไม่มากนัก ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษ อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หลังนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ส่งสัญญาณถึงการที่จะนำสหราชอาณาจักร ออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท แบบไร้ข้อตกลง
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว เคลื่อนไหวล่าสุด ขยับขึ้นมา 14.29 จุด หรือ 0.07% ที่ 20,634.48 จุด ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 17.02 จุด หรือ 0.07% ที่ 25,643.57 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ จีน ลดลง 3.06 จุด หรือ 0.10% ที่ 2,921.05 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ขยับขึ้น 7.49 จุด หรือ 0.24% ที่ 3,090.45 จุด
การเคลื่อนไหวในตลาดเป็นไปอย่างเบาบาง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากสหรัฐและจีนได้เริ่มบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังจะมีการจัดประชุมเจรจาในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ความตึงเครียดก็ไม่มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายลง หลังจีนประกาศเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ด้วยว่า ได้ยื่นคำฟ้องสหรัฐ ต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ในเรื่องที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดมีปัจจัยลบจากทั่วโลก เริ่มตั้งแต่สงครามการค้า ไปจนถึงเบร็กซิท แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเริ่มคุ้นเคยกับความเสี่ยงจากเรื่องเหล่านี้แล้ว และไม่มีใครคิดจริงๆ ว่า สหรัฐ กับจีน จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ตราบเท่าที่เศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวต่อเนื่อง ขาลงของราคาหุ้นก็ยังจำกัดอยู่
ในด้านตลาดค่าเงินนั้น เงินปอนด์ของอังกฤษเคลื่อนไหวล่าสุด ที่ระดับ 1.2063 ปอนด์ต่อดอลลาร์ ขยับขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากอ่อนค่าลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ 1.2015 ปอนด์ต่อดอลลาร์
เงินปอนด์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันการเทขาย หลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมาเตือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า เขาอาจจะหาทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าหากเขาโดนขัดขวางในเรื่องเบร็กซิท และทำให้การที่อังกฤษจะออกจากอียู ต้องล่าช้าออกไปอีก
