กำไรภาคธุรกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 2 ของปีนี้ ดิ่งลงถึง 12% ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐที่เพิ่มขึ้น แม้ผลกำไรก่อนหักภาษีจะแตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ 23.23 ล้านล้านเยน
ผลสำรวจรายได้ของบริษัทญี่ปุ่น ที่มีเงินทุนมากกว่า 10 ล้านเยนขึ้นไป จำนวน 32,107 ราย ที่มีผู้ตอบแบบสอบถามราว 70.8% ที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยออกมา ยังแสดงให้เห็นว่า ในไตรมาสดังกล่าว กลุ่มผู้ผลิตมีการใช้จ่ายเงินทุนในด้านต่างๆ อาทิ ก่อสร้างโรงงาน เพิ่มอุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ ลดลง 6.9% มาอยู่ที่ 3.62 ล้านล้านเยน ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส
ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม และเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกลุ่มที่มีกำไรลดลงมากที่สุด ท่ามกลางความต้องการชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน และรถยนต์จากต่างประเทศที่ลดลง เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก
ขณะเดียวกัน การลงทุนของธุรกิจนอกภาคการเงินโดยรวม เพิ่มขึ้น 1.9% มาอยู่ที่ 10.87 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาส 11 ติดต่อกัน ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 345. 91 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกัน แรงหนุนจากยอดขายในภาคบริการ และอสังหาริมทรัพย์
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่น ระบุด้วยว่า การสำรวจผลประกอบการของภาคธุรกิจครั้งล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองอย่างเป็นทางการของรัฐบาลญี่ปุ่น ในเรื่องที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้นมาแบบค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ดี นายทาเคชิ มินามิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนรินชูคิน เตือนว่า การลงทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทญี่ปุ่นอาจลดลง หลังจากเดือนตุลาคมไปแล้ว เมื่อรัฐบาลขึ้นภาษีผู้บริโภคเป็น 10% จากระดับปัจจุบันที่ 8%
