Economics

‘สุริยะ’ ถกเอกชนไทยในเวียดนาม เล็งออก ‘แพ็คเกจ’ ดึงทุนนอก

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอรายงานผลการนำคณะผู้บริหารเดินทางไปพบปะกับสถาบันการเงิน และภาคเอกชนไทยในเวียดนาม พบว่า ความเชื่อมั่นในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น หลังจากโครงสร้างเมกะโปรเจคของไทยเริ่มมีความชัดเจน และรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.1 แสนล้านบาท

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงมาตรการส่งเสริมการลงทุน ตอกย้ำสิทธิประโยชน์การลงทุนในไทยให้มีความชัดเจน และขอให้มาตรการส่งเสริมการลงทุนคำนึงถึงประโยชน์ขอประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

นายสุริยะ รายงานว่า สำหรับผลทางด้านเศรษฐกิจ ในประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน คาดว่ายังคงอยู่ในวงจำกัด โดยผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะจำกัด เนื่องจากมีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ

ผลกระทบทางลบ จากกลุ่มสินค้าที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีกับทุกประเทศทั่วโลก และสินค้าที่ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ผลกระทบเชิงบวก คาดว่าจะมาจากการส่งออกสินค้าที่ไทยสามารถคว้าโอกาสทดแทนกันในตลาดจีน อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และในตลาดสหรัฐฯ อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเคมีภัณฑ์

นางนฤมล กล่าวด้วยว่า ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการย้ายการลงทุนเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พิจารณารูปแบบ แนวทางการลงทุนของแต่ละประเทศ เพื่อออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่เหมาะสมในรายประเทศ จึงได้มอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) หารือร่วมกับบีโอไอ กำหนดแพ็คเกจรองรับความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะหากกลุ่มนักลงทุนประเทศไหน ต้องการลงทุนร่วมกัน ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน

thai port

ทั้งนี้ ยังพบว่าไทยมีจุดแข็งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร อำนวยความสะดวกรองรับการค้าการลงทุน แรงงานไทยยังมีทักษะฝีมือสูง ซึ่งนายสุริยะย้ำว่า จะนำข้อมูลด้านการลงทุนที่ได้ จากการพบปะกับสถาบันการเงินและภาคเอกชนไทยในเวียดนาม วิเคราะห์ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ เพื่อออกมาตรการดึงดูดการลงทุนในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม และจะนำเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาให้เชื่อมกับมาตรการภาพรวมที่แต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินการ ซึ่งจะทำให้สิทธิประโยชน์การลงทุนในไทยมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็กำชับให้ยังคงติดตามผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอย่างใกล้ชิดด้วย

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้มาตรการส่งเสริมการลงทุนจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง และต้องนำไปสู่การกระจายรายได้ลงสู่เศรษฐกิจฐานราก รวมตลอดถึงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้เข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม ที่เข้ามาลงทุนในไทยด้วย

Avatar photo