“ศักดิ์สยาม” สั่งประชุม 4 หน่วยงาน หาคนรับผิดชอบออกใบอนุญาตเชื่อมทางเข้า-ออก “โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ” ด้านปมรุกล้ำที่ดิน ทอท.-ความปลอดภัยการบินผ่านฉลุย ที่ประชุมร่วมฯ ไฟเขียวไม่ติดใจ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมแก้ไขข้อพิพาทเรื่องโครงการก่อสร้างเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต ที่อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ (30 ส.ค.) ว่า วันนี้ที่ประชุมฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือร่วมกัน
เบื้องต้นที่ประชุมฯ มีข้อสรุปว่า ที่ตั้งโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ อยู่นอกเหนือพื้นที่ความรับผิดชอบของ ทอท. และไม่ได้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุ ด้านสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และหน่วยงานต่างๆ ก็ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีความปลอดภัยด้านการบิน
อย่างไรก็ตามโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ยังมีประเด็นเรื่องการเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 370 เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ได้ยื่นขอใบอนุญาตเชื่อมต่อทางเข้า-ออกกับถนนหมายเลข 370 ผ่านกรมทางหลวง (ทล.) แต่ล่าสุดยังไม่ชัดเจนว่า หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบและมีหน้าที่ออกใบอนุญาตดังกล่าวกันแน่
โดยกรมธนารักษ์โต้แย้งว่า กรมธนารักษ์เป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวและมอบให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ครอบครอง กรมท่าอากาศยานจึงไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปให้กรมทางหลวงก่อสร้างถนนหมายเลข 370 ได้โดยตรง แต่ควรแจ้งต่อกรมธนารักษ์ก่อนและให้กรมธนารักษ์เป็นผู้อนุญาตในการก่อสร้างถนน
จากข้อโต้แย้งดังกล่าว ที่ประชุมฯ จึงมอบหมายให้นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว 4 แห่ง ได้แก่ กรมทางหลวง, ทอท., กรมธนารักษ์ และกรมท่าอากาศยาน มาหารือร่วมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อสรุปว่าหน่วยงานใดมีอำนาจออกใบอนุญาตในการเชื่อมต่อกับถนน 370 ได้อย่างถูกต้อง
ถ้าสุดท้ายแล้ว หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ใช่กรมทางหลวง CPN ก็ต้องไปขออนุญาตใหม่ให้ถูกต้อง ส่วนหน่วยงานนั้นๆ จะอนุญาตให้เชื่อมทางเข้า-ออกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละหน่วยงาน
“เรื่องการเชื่อมต่อถนน 370 เป็นแค่กระบวนการ เพราะทั้งหมดทำขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ เพราะฉะนั้นเอาให้จบ คุยกันซะว่าใครจะเป็นคนอนุญาต สร้างมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องเก่ามาก ตั้งแต่ปี 2511 ” นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ที่ประชุมฯ ยังได้สั่งการประเด็นเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยขอให้ กพท. เข้าไปตรวจสอบมาตรฐานอาคารและความสูงของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ซ้ำอีกครั้งเพื่อความชัดเจน ถ้าอาคารเซ็นทรัล วิลเลจ อยู่ในเกณฑ์ความปลอดภัย ก็ให้ส่งหนังสือยืนยันไปยัง CPN อย่างเป็นทางการ
ส่วนกรณีที่ ทอท. แสดงความห่วงใยว่าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ อาจมีกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านการบินนั้น ปัจจุบัน กพท. ก็มี พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2562 ที่ใช้กำกับและควบคุมกิจกรรมภายในเขตปลอดภัยการบินอยู่แล้ว จำนวน 4 กิจกรรม คือ 1.การปล่อยแสงเลเซอร์หรือแสงไฟขึ้นไปสู่อากาศ 2.การปล่อยคลื่นเสียง คลื่นวิทยุหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 3.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปล่อยคลื่นไฟฟ้า และ 4.กิจกรรมอื่นๆ ที่ กพท.กำหนด เช่น เรื่องของนก ควัน และแสง
พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2562 เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการออกกฎหมายลูกขึ้นมารองรับ ที่ประชุมฯ จึงขอให้ กพท. ไปเร่งจัดทำออกระเบียบต่างๆ โดยเร็วและเสนอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตรวจรับรองก่อนประกาศใช้กฎหมายลูกต่อไป โดยทาง CPN ก็ต้องส่งหนังสือแจ้ง กพท. ว่าจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านการบินแต่ละข้ออย่างไรด้วย
“วันนี้เราประชุมพิจารณาแค่ประเด็นที่เกี่ยวกับหน่วยงานคมนาคมเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกฎหมายของหน่วยงานอื่น โดยเรื่องความปลอดภัยด้านการบิน กพท. ยืนยันว่าการสร้างเซ็นทรัล วิลเลจปลอดภัย ไม่กระทบการบินภายใต้กฎหมายที่เรามีอยู่ และไม่ได้รุกล้ำที่ ทอท. ดังนั้น ทอท.จะต้องไปรื้อเต็นท์ที่ปิดทางเข้า-ออกทั้งหมดและต้องไปช่วยทำความเข้าใจสหภาพฯ ด้วย” นายศักดิ์สยามกล่าว
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมฯ ได้ให้ความเป็นธรรมต่อ CPN และมีความชัดเจนในทุกๆ ด้าน บริษัทจึงไม่กังวลประเด็นใดๆ แล้ว
“ไม่ห่วง ท่านรัฐมนตรีให้ความเป็นธรรมและก็ชัดเจนมาก” นายปรีชากล่าว
นอกจากนี้มีความชัดเจนแล้วว่า ถนนสาย 370 ไม่ได้อยู่ในความดูแลของ ทอท. ส่วนจะเป็นพื้นที่ของกรมทางหลวงหรือกรมท่าอากาศยานก็ต้องไปทำความเข้าใจกันอีกครั้ง เพราะสิทธิ์ในการดูแลพื้นที่ดังกล่าวเป็นเรื่องย้อนหลังไปในอดีตหลายสิบปี หน่วยงานต่างๆ ยังมีความสับสนกันอยู่ และบริษัทก็ไม่ทราบความชัดเจน
ที่ผ่านมา CPN เข้าใจว่า การเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 370 ต้องขออนุญาตจากกรมทางหลวง ซึ่งบริษัทก็ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ศาลปกครองกลางก็เพิ่งมีคำสั่งคุ้มครองในช่วงบ่ายวันนี้ว่า ให้เปิดทางเชื่อมต่อจากถนน 370 มายังทางเข้า-ออกของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจได้ ถ้าสุดท้ายแล้ว กรมทางหลวงเป็นผู้ดูแลถนน 370 บริษัทก็ถือว่าดำเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องแล้ว แต่ถ้าหน่วยงานอื่นเป็นผู้ดูแลถนน 370 บริษัทก็ต้องสู้กันตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
สำหรับกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่า โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ รุกล้ำลำรางสาธารณะและพื้นที่สีเขียวนั้น นายปรีชากล่าวว่า โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ไม่เคยรุกล้ำลำราง พื้นที่ดังกล่าวเป็นไหล่ทางและไม่มีสภาพเป็นลำรางมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ในแผนที่ได้วาดส่วนเล็กๆ ที่มีลักษณะคล้ายลำรางเข้าไปในพื้นที่ไหล่ทาง แต่ความจริงแล้ว บริเวณดังกล่าวไม่มีสภาพเป็นลำราง ใครก็ต่อใครก็วางท่อบนพื้นที่ส่วนนี้ทั้งหมด
ด้านพื้นที่สีเขียวนั้น เขตนี้มีโควตาให้ทำพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ 10% แต่ต้องสร้างเป็นอาคารขนาดเล็ก ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร ไม่ต้องเปลี่ยนผัง ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเป็น CPN ก็ทำได้ แต่พอโควตาหมด ก็ทำไม่ได้เท่านั้นเอง
ส่วนกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ จะส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายปรีชากล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเอาท์เล็ตต้องหาที่ที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสนามบิน เช่น ประเทศแคนาดา อเมริกา เกาหลีใต้ เป็นต้น นอกจากนั้น CPN ไม่เคยคิดว่าเป็นการไปแข่งกับธุรกิจอื่น เพราะเอาท์เล็ตเป็นสินค้าตกรุ่นและราคาถูก ซึ่งเป็นสินค้าคนละประเภทกับห้างสรรพสินค้าหรือดิวตี้ฟรี
นายปรีชา กล่าวต่อว่า CPN มีแนวคิดจะลงทุนโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้ว เริ่มจากการสำรวจ ขออนุญาต จากนั้นจึงจัดซื้อที่ดิน และเริ่มก่อสร้างเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อเปิดให้บริการแล้วโครงการนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาประเทศไทยได้มากขึ้น เพราะประเทศท่องเที่ยวทุกแห่งจะต้องมีเอาท์เล็ต ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมี
ในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) CPN จะเปิดให้บริการโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นวันแรก แต่ยังไม่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง ภายในโครงการจะมีแบรนด์ต่างๆ เปิดให้บริการรวม 150 แบรนด์ ซึ่งในช่วงแรกจะเปิดให้บริการได้ 70% ก่อน เพราะการทำงานล่าช้า และจะเปิดครบ 100% ภายใน 2 เดือน เบื้องต้นคาดว่าโครงการนี้จะสร้างยอดขายได้ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้มีหน่วยงานต่างๆ เข้าประชุม ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ผู้บริหารสนามบินสุวรรณภูมิ, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เจ้าของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต , บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือ บวท., สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.), คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินในประเทศไทย (AOC), องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO), สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA), สมาคมนักบินไทย และกรมธนารักษ์
สำหรับการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นจากข้อสั่งการและความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว นายศักดิ์สยาม ก็ได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น Line เพื่อรายงานผลการประชุมให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบทันที
- ศาลปกครอง ‘สั่ง’ ทอท. เปิดทางเชื่อม ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลั่นเปิดแน่ 31 ส.ค.นี้
- พรุ่งนี้ ‘ศักดิ์สยาม’ เรียกประชุมด่วน! หาทางออก ‘โครงการเซ็นทรัลวิลเลจ’
