Economics

‘สนธิรัตน์’ ทุบโต๊ะล้มประมูล ‘แอลเอ็นจี’ กฟผ.1.5 ล้านตัน

“สนธิรัตน์” ล้มประมูลแอลเอ็นจีกฟผ.1.5 ล้านตัน มูลค่าแสนล้านบาท ยกเหตุนำเข้าแพง กระทบค่าไฟ 2 สตางค์ต่อหน่วย ส่งการบ้านกฟผ.เจรจาปิโตรนาส พลังงานแจงผล 3 ข้อหล้งล้มประมูล

3262

วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานได้พิจารณาเรื่องสำคัญ ในเรื่องการนำเข้าธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) 1.5 ล้านตันต่อปีมูลค่าการนำเข้าประมาณแสนล้านบาท ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

โดยกบง.มีมติล้มประมูลจัดซื้อแอลเอ็นจีตามสัญญาระยะยาวของกฟผ.ที่บริษัท PETRONAS LNG Limited  ของมาเลเซีย ชนะการประมูล และให้กฟผ.จัดซื้อแอลเอ็นจีเป็นสัญญาระยะสั้นในตลาดจร ( Spot ) เพื่อทดสอบระบบการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติแทน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ให้กฟผ.ไปเจรจาสัญญากับปิโตรนาสต่อไป ส่วนการบริหารจัดการเรื่องสัญญาการใช้สถานีรับจ่ายแอลเอ็นจี (LNG Terminal) และท่อส่งก๊าซ มอบหมาย ให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ กฟผ. ไปดำเนินการ และให้นำเสนอ กบง.

ทั้งนี้มติ กบง. ดังกล่าว เพราะได้พิจารณาจากสถานการณ์แอลเอ็นจีในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป โดยราคาแอลเอ็นจีตามสัญญาสปอต (LNG Spot)  ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เป็นสัญญาณว่าในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า แนวโน้ม แอลเอ็นจีจะมีราคาลดลง

“การจัดหาแอลเอ็นจีในประเทศไม่ได้ลดลง ปริมาณความต้องการใช้ก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามที่ได้ประมาณการไว้ ดังนั้น ความจำเป็นในการนำเข้าแอลเอ็นจี จึงมีแนวโน้มเปลี่ยนไปจากเดิม”

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า การประมูลแอลเอ็นจีเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และกบง.ในยุคของนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยให้ทำสัญญาจัดซื้อแบบ Middle Term และให้เดินหน้า ทำให้การประมูลของกฟผ.เป็นไปอย่างรวดเร็วตามลำดับท่ามกลางการทักท้วงเรื่อง Take or Pay

อย่างไรก็ตามหลังจากกบง.มีมติครั้งนี้ กฟผ.จะต้องเปิดโต๊ะเจรจากับปิโตรนาสโดยกฟผ.คาดว่าจะไม่มีการเรียกค่าเสียหาย เพราะยังไม่มีการลงนามในสัญญา

ทั้งนี้มีการวิเคราะห์การล้มประมูล 3  ประการ ดังนี้

ประการที่ 1.ความเชื่อมั่นของประเทศไทย และเครดิตกฟผ.ต่อการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ เพราะการให้กฟผ.นำเข้าแอลเอ็นจี เป็นนโยบายรัฐบาล และเป็นการเปิดประมูลแบบ International Bidding และจะกระทบกับความสัมพันธ์ต่อปิโตรนาส โดยอาจจะต้องมีข้อเสนอแลกเปลี่ยน เพื่อให้เรื่องจบลงด้วยดี

และเรื่องนี้กฟผ.เดินหน้าประมูลภายใต้การเห็นชอบของกระทรวงพลังงาน และตามเงื่อนไข ที่กระทรวงพลังงานกำหนด คือต้องประมูลได้ราคาต่ำกว่า 4 สัญญาซื้อแอลเอ็นจี ที่บริษัทปตท.นำเข้า

ประการที่ 2. ในด้านราคา การจัดหาแอลเอ็นจีของกฟผ.ครั้งนี้ ไม่ได้นำไปเฉลี่ยกับราคาก๊าซทั้งหมดของประเทศ (pool) ซึ่งเป็นการเฉลี่ยราคาก๊าซในอ่าวไทย เมียนมาร์ และสัญญาแอลเอ็นจีของปตท.ทั้ง 4 สัญญา

โดยกระทรวงพลังงาน ต้องการให้แยกเป็น pool ก๊าซของกฟผ.โดยเฉพาะ เพราะแอลเอ็นจีที่กฟผ.นำเข้าใช้เฉพาะของโรงไฟฟ้ากฟผ.เท่านั้น ส่งผลให้ราคานำเข้าของกฟผ.กระโดดสูง เมื่อคิดเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2 สตางค์ต่อหน่วยใน 2 ปีแรก

จากข้อมูลพบว่า กฟผ.ซื้อแอลเอ็นจีจากปิโตรนาสในราคา 7-8 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ภายใต้เงื่อนไขต้องส่งมอบก๊าซฯในปริมาณที่ตกลงตลอด 8 ปี เพื่อให้ปริมาณแอลเอ็นจีมีใช้สม่ำเสมอในโรงไฟฟ้า

เทียบแอลเอ็นจี ตามสัญญาระยะสปอต ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ส่วนราคาสัญญาระยะยาวที่ปตท.ซื้อ ประมาณ 17 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เพราะเป็นการจัดหาตั้งแต่ปี 2553

อย่างไรก็ตามจากมติกบง.ครั้งนี้ แก้ลำด้วยการให้กฟผ.ซื้อจากตลาดสปอต 2 ลำเรือ ลำละ 90,000 ตัน ใช้ในโรงไฟฟ้าวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประมาณ 30 วัน หลังจากนั้นเข้าสู่ระบบเดิม คือ  กฟผ.จะต้องซื้อแอลเอ็นจีจากปตท.ต่อไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

สำหรับการประเมินว่าการนำเข้าแอลเอ็นจีของกฟผ. จะทำให้ต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้น 2 ปีแรกจากนั้นจะถูกลง เพราะมีการคาดการณ์ว่า ช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นไป ราคาก๊าซ pool จะเริ่มสูงขึ้น เพราะก๊าซในอ่าวจะเริ่มผลิตได้น้อยลงตามลำดับ และต้องนำเข้าแอลเอ็นจีมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการคาดการณ์ว่า อนาคตราคาแอลเอ็นจีตลาดสปอตจะสูงขึ้น ตามปริมาณการใช้ของโลกที่เพิ่มขึ้น

และผลประการที่ 3 จากมติกบง.ครั้งนี้ กฟผ.ต้องเจรจายกเลิกสัญญาเช่าสถานีรับจ่ายแอลเอ็นจีจากปตท.ที่ต้องจ่ายปีละ 1,400 ล้านบาท

3264

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมกบง.ยังได้เห็นชอบขยายส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล บี10 ให้ต่ำกว่าน้ำมันดีเซล บี7 ที่ 2 บาทต่อลิตร และลดส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล บี 20 ให้ต่ำกว่าดีเซล บี 7 ที่ 3 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562

และเห็นชอบตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ให้บังคับใช้น้ำมันดีเซล บี10 เป็นน้ำมันดีเซล เกรดพื้นฐาน โดยให้น้ำมันดีเซล บี7 และน้ำมันดีเซล บี20 เป็นทางเลือก

Avatar photo