ธนาคารรายใหญ่ของฮ่องกง “เอชเอสบีซี” ประกาศในวันนี้ (28 ส.ค.) ถึงแผนที่จะลดราคาค่าธรรมเนียม และลดดอกเบี้ยให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) ในฮ่องกง ในช่วงเวลาที่เขตปกครองพิเศษของจีน กำลังเจอกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฮ่องกงเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ หลังต้องเจอกับแรงกดดันจากสงครามการค้าจีนกับสหรัฐ รวมถึง การชุมนุมประท้วงรัฐบาล ที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน จนทำให้นักท่องเที่ยวหนีหาย และทำให้ย่านช้อปปิ้่งต่างๆ ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน
เอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ่สุดที่ดำเนินงานอยู่ในฮ่องกง ระบุว่า จะยื่นข้อเสนอลดดอกเบี้ยนาน 6 เดือนสำหรับสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และการค้ำประกันสินเชื่อ ของกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งยังจะลดค่าธรรมเนียมสำหรับการค้ำประกันทางการเงินด้วย และลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมให้กับธุรกิจที่ใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือของธนาคาร
แผนการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ ฮ่องกงกำลังตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจอย่างมาก และนับจนถึงขณะนี้ เอชเอสบีซี เป็นธนาคารเพียงรายเดียวในฮ่องกงเท่านั้น ที่ออกมาตรการทำนองนี้
ครั้งล่าสุดที่ธนาคารนำเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี คือปี 2552 หลังจากเกิดวิกฤติการเงินโลก และก่อนหน้านั้นคือเมื่อปี 2546 ที่เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส)
ทั้งนี้ ฮ่องกงถือเป็นตลาดเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่สุดของเอชเอสบีซี คิดเป็นสัดส่วนราว 52% ของรายได้ก่อนหักภาษีของธนาคารในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่ 12,400 ล้านดอลลาร์
ขณะที่เอสเอ็มอีมีสัดส่วนมากกว่า 98% ของธุรกิจท้องถิ่นในฮ่องกง และมีการจ้างงานคิดเป็นสัดส่วนราว 45% ของยอดรวมการจ้างงานทั้งเกาะ
“เราฟังเสียงลูกค้าของเรา และพบว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก” เทอเรนซ์ จิว ผู้บริหารฝ่ายธนาคารพาณิชย์ ของเอชเอสบีซี ในฮ่องกง กล่าว
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของธนาคาร ยังเกิดขึ้นหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาคมบริหารจัดการค้าปลีกฮ่องกง ที่มีธุรกิจเป็นสมาชิกอยู่มากกว่า 8,000 ราย ได้ออกมาเรียกร้องให้เจ้าของพื้นที่รายต่างๆ ลดค่าเช่าที่นาน 6 เดือน พร้อมเตือนว่า ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้ค้าปลีกจำนวนมากอาจจะต้องเลิกจ้างพนักงาน
