ก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวเมาท์แซ่บๆ จากสื่อดังที่ออกมาเผยข้อมูลของ นางเอกสาวกลิ่นหอม เตรียมวางแผนสละโสดกับแฟนหนุ่มไฮโซ แต่กลับถูกคุณแม่ฝ่ายชายเบรกไว้ เพราะอยากให้เรื่องของพี่คนโตเข้าที่เข้าทางก่อน จนทำเอานางเอกทุ่งลาเวนเดอร์อย่าง ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ถูกโยงว่าอาจจะเป็นนางเอกกลิ่นหอมจากข่าวลือดังกล่าว ต้องรีบออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช้คู่ของตนเองแน่นอน และทางฝั่งพี่ของไฮโซหนุ่ม กรณ์ ณรงค์เดช ว่าที่เจ้าบ่าวเองก็ยังไม่มีแพลนแต่งงาน
ล่าสุด (27 ส.ค.) กรณ์ ณรงค์เดช ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงกระแสข่าวเมาท์ดังกล่าว โดยยืนยันชัดๆ ว่า “ถ้าถูกแม่ผู้ชายเลื่อนคงไม่ใช่ผมครับ เพราะคุณแม่ผมเสียไปแล้ว (หัวเราะ) ไม่ทราบว่าใครนะครับ แต่อันนี้ไม่ใช่ของผมครับ ไม่ได้ซีเรียสกับข่าวลือ รู้สึกเฉยๆ เพราะเดี๋ยวนี้ข่าวลือมันมีทุกวันครับ”
ตอนนี้เตรียมงานไปถึงไหนแล้ว ?
“ยังไม่ค่อยได้ถึงไหนครับ เพราะเพิ่งรู้ว่ารายละเอียดเยอะมาก ตอนนี้เรื่องการ์ดก็ยังไม่เสร็จ เรื่องสถานที่กำลังสรุปได้ในเร็วๆ นี้ครับ ที่เรียบร้อยแล้วก็คงเป็นโลโก้ที่ใกล้เสร็จแล้วครับ (หัวเราะ)”
ได้ฤกษ์หรือยัง ?
“ได้แล้วครับ แต่เดี๋ยวรอให้อยู่บนการ์ดก่อนแล้วผมจะมาบอกแล้วกันครับ”
ตอนนี้ได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ?
“30 เปอร์เซ็นต์ แล้วกันครับ ยังไม่ค่อยถึงไหน แต่ก็มีแพลนหมดแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง”
แบบนี้คงไม่ทันปีนี้ ?
“ก็เป็นปีหน้าเลยครับ”
ที่งานไม่ค่อยเดินหน้าเพราะอะไร ?
“ก็ยุ่งๆ ด้วยครับ ทั้งเรื่องงานเรื่องอะไรก็หลายอย่าง ริต้าเองเขาก็ทำหลายอย่าง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องที่เขาจะเปิดสาขาใหม่ด้วย”
เห็นว่าเชิญแขก 1,000 คนเลย ?
“จริงๆ เรื่องจำนวนแขกยังทำไม่เสร็จครับ กำลังนั่งลิสต์อยู่ นั่งทำทีเดียวบางทีมันนึกไม่ออก ก็ถ้าเวลามางานแล้วเจอใครเราก็จะพิมพ์ใส่โน้ตไว้ว่ามีใครบ้าง”
คู่เรามีทะเลาะกันเรื่องเตรียมงานบ้างไหม ?
“ไม่ได้เรียกว่าทะเลาะหรอกครับ เรียกว่าบางอย่างเห็นไม่ตรงกัน ก็คุยกันว่าทำไมถึงอยากได้อย่างนี้ เพราะแน่นอนต่างคนมันมีไอเดียไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ก็ช่วยกันตัดสินใจว่าอะไรมันน่าจะดีที่สุดครับ”
แสดงว่ายังไม่ลงตัวเรื่องคอนเซปต์งาน ?
“ก็มีคร่าวๆ ครับ แต่ยังไม่ได้เคาะ เนื่องจากเรื่องสถานที่ก็ยังไม่ได้เคาะ เพราะสถานที่ก็เป็นจุดหลัก และเรื่องของจำนวนแขกด้วย ที่ยังไม่บอกสถานที่ตอนนี้เพราะว่ายังไม่รู้ว่าแขกเท่าไหร่ เลยยังไม่รู้ว่าต้องไปลงตรงไหน”
เราทุ่มเต็มที่เลยไหม ?
“ก็เอาที่สมเหตุสมผล เพราะผมไม่อยากตอบประเด็นนี้แล้ว คราวที่แล้วผมยังไม่พูดอะไรเลย กลายเป็นพาดหัวข่าวเป็นอีกแบบหนึ่งว่าจะต้องมีการใช้เงิน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้พูดครับ”
