ปัจจุบันธุรกิจอาหารในประเทศไทยมีมูลค่า 4 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี ในกลุ่มนี้แบ่งเป็นเชนร้านอาหาร 1.4 แสนล้านบาท และร้านอาหารทั่วไป 3.6 แสนล้านบาท
ในกลุ่มร้านอาหารสแตนด์อโลน ทั้งประเภทไลฟ์สไตล์ เอสเอ็มอี และสตรีทฟู้ด ถือเป็นอีกธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต จากพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมรับประทานร้านอาหารชื่อดัง ที่มีสไตล์แตกต่าง ทั้งการตกแต่งร้าน เมนูอาหาร รวมทั้งเทรนด์การลงทุนเป็นเจ้าของกิจการเองของคนรุ่นใหม่ ทั้งร้านกาแฟและร้านอาหารแนวไลฟ์สไตล์
ส่งให้ธุรกิจร้านอาหารทั่วไป ยังเป็นตลาด Blue Ocean ของหลายธุรกิจที่จะเข้าไปเป็นพันธมิตร ขยายตลาด หนึ่งในนั้นที่มองเห็นโอกาส คือธุรกิจอุปกรณ์เครื่องครัว
เจาะตลาดใหม่ร้านอาหาร“เอสเอ็มอี”
อรุณ เรืองจรุงพงศ์ กรรมการผู้บริหาร บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีลและนอนสติ๊ก ตรา “ซีกัล” (Seagull) และ “จรวด” (Rocket) กล่าวว่าปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายสินค้าหลักในฝั่งผู้บริโภค (B2C) ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด 35% ,ร้านค้าทั่วไป (เทรดดิชั่นนอลเทรด) 25% , ส่งออก 20% และกลุ่มโฮเรก้า 20%
ในกลุ่มโฮเรก้าที่จำหน่ายในรูปแบบ B2B กลุ่มร้านอาหาร ซีกัล ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมียมทำตลาดในกลุ่มเชนร้านอาหารทุกแบรนด์ แต่ปัจจุบันมองโอกาสกลุ่มใหม่ในร้านอาหารทั่วไปและเอสเอ็มอี ที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารในยุค 4.0 ที่มีการพัฒนาศักยภาพด้วยการนำเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลมาใช้สื่อสารการตลาด ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
บริษัทจึงมองเห็นโอกาสขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2B ประเภทร้านอาหารเอสเอ็มอี ที่ถือเป็นอีกตลาดขนาดใหญ่ ด้วยการใช้กลยุทธ์สร้างเครือข่ายสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำการตลาดยุคดิจิทัล การเปิดคลาสสอนทำอาหารและขนม เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ การจัดสัมมนาให้ความรู้การตลาดธุรกิจอาหารในยุค 4.0
สร้างเครือข่าย 200 ร้านอาหารปีนี้
นอกจากนี้ได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรร้านอาหาร เริ่มที่ 47 ร้านทั่วประเทศไทย จัดออนไลน์แคมเปญ ฉลอง Seagull 47th Anniversary ภายใต้คอนเซ็ปต์ ติด Hashtag #ซีกัล 47 ปี พาทัวร์ 47 ร้าน เพื่อเป็นการสร้างสรรค์คอนเทนท์และประชาสัมพันธ์ควบคู่กับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าร่วมกับร้านอาหารพันธมิตร เช่น Little Tree Garden, Cuisine de Garden, The Hub Café and Eatery, Pomelo Cafe ร้านเขียวไข่กา เป็นต้น คาดว่าสิ้นปีนี้จะขยายเครือข่ายร้านอาหารพันธมิตรได้กว่า 200 ร้านค้า
“ตลาดร้านอาหารเอสเอ็มอี ถือเป็น Blue Ocean สำหรับธุรกิจอุปกรณ์เครื่องครัว เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีการใช้งานที่ค่อนข้างหนักเมื่อเทียบการใช้งานในครัวเรือนปกติทั่วไป ทำให้เกิดการซื้อเพื่อทดแทนบ่อยกว่า และเปลี่ยนสินค้าเร็วกว่าเชนร้านอาหารที่เฉลี่ยเปลี่ยนอุปกรณ์ปีละ 1 ครั้ง”
การเข้าไปทำตลาดเป็นพันธมิตรกับร้านอาหารเอสเอ็มอี ผ่านกิจกรรมและสร้างสรรค์ดิจิทัล คอนเทนท์ร่วมกัน ถือเป็นการสร้าง Relationship ในระยะยาว เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มนี้นึกถึง “ซีกัล” เป็นแบรนด์แรกเมื่อต้องการซื้อเครื่องครัวใหม่ เป็นการขยายฐานลูกค้า B2B ที่สามารถกันคู่แข่งที่จะเข้าถึงตลาดกลุ่มนี้ได้ยากขึ้น
ปัจจุบันในกลุ่มลูกค้า B2B ประเภทร้านอาหาร สัดส่วน 95% เป็นเชนร้านอาหาร มีกลุ่มลูกค้าร้านอาหารเอสเอ็มอีราว 5% หลังจากเริ่มสร้างเครือข่ายในปีนี้ คาดว่าสัดส่วนจะขยับขึ้นมาเป็น 10%
รุกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
อรุณ กล่าวว่ากลยุทธ์การตลาดปีนี้ ได้ปรับตัวสู่ Digital Marketing เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนยุคปัจจุบัน เน้นการทำ Social Listening Tools การดูแลแลผลิตคอนเทนท์ผ่านช่องทางต่างๆ การทำ Follower Analysis และการทำ Content Engagement ทั้งจากตัวสื่อที่เป็นของซีกัลเองหรือจะช่องทางอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการหาข้อมูลทำ Branded Content จากสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ โดยแฝงไปกับการขายโดยที่ไม่ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความยัดเหยียดที่แบรนด์นำเสนอผ่านคอนเทนท์
ปัจจุบันมีเครื่องมือสำคัญอย่าง เฟซบุ๊ก นำเสนอทั้งเนื้อหาและวิดีโอ คอนเทนท์ โดยเลือกใช้ Social Influencers เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้สดใหม่ นอกจากนี้มีการใช้ KOL ที่มีชื่อเสียงในด้านต่างๆ มาสื่อสารเพื่อเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ได้พัฒนาช่องทางขายอีคอมเมิร์ซ ทั้งเว็บไซต์ www.seagull-brand.com ,ระบบชำระเงินออนไลน์ และระบบขนส่ง และเป็นพันธมิตรกับมาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ เช่น Lazada, Shopee, JD.com และ Shopat24.com
ปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,500 ล้านบาท ปีนี้คาดเติบโต 10% จากกลยุทธ์ขยายตลาด B2B กลุ่มร้านอาหารเอสเอ็มอี ขณะที่กลุ่มโมเดิร์นเทรดยังเติบโต และกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งทุกช่องทาง
ภาพรวมตลาดอุปกรณ์เครื่องครัวปีที่ผ่านมามีมูลค่า 5,000 ล้านบาท ไม่เติบโต ช่วงครึ่งปีแรกยังอยู่ในภาวะทรงตัว ปกติฤดูกาลขายสินค้าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง