Politics

ช่วยชีวิต! ‘อนุทิน’พร้อมอัดฉีดงบใช้เฮลิคอปเตอร์ ส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน

“อนุทิน” ปลื้ม “สพฉ.” จับมือ “การบินพลเรือน” ส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ด้วยเฮลิคอปเตอร์  ย้ำพร้อมจัดงบช่วยเหลือภารกิจ อำนวยความสะดวกประชาชน สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือ “การบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Emergency Medical Service: HEMS)” ระหว่างสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยเรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.)

อนุทิน88

นายอนุทิน กล่าวว่า การบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์นั้น มีกิจการทั้งภาครัฐ และเอกชน สำหรับภาครัฐ ดำเนินการโดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เป็นผู้จัดให้มีระบบการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ ปฏิบัติงานมาร่วม 10 ปี ภายใต้ชื่อ Thai Sky Doctor กระทรวงสาธารณสุขมีส่วนสนับสนุนด้านบุคลากร ทีมการแพทย์ฉุกเฉิน ที่มีความเชี่ยวชาญกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ กระทรวงกลาโหม สนับสนุนอากาศยาน จากทุกเหล่าทัพและภาคเอกชน ช่วยสนับสนุนภารกิจการลงนามความร่วมมือในวันนี้

“ความร่วมมือที่เกิดขึ้นเป็นการยกระดับการให้บริการประชาชน เป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว เวลาเกิดเหตุวิกฤติประเทศไทยมีแผนรับมือแน่นอน การใช้เฮลิคอปเตอร์มีความรวดเร็ว ขณะที่อุปกรณ์ด้านใน ต้องมีความพร้อมในการช่วยเหลือชีวิตคน จะเพิ่มโอกาสรอดให้ผู้ป่วย ส่วนเรื่องงบดำเนินงาน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินมีงบอยู่แล้ว แต่หากมีปัญหา ขอให้แจ้งมา จะหาทางช่วยเหลือเต็มที่ ในส่วนของบุคลากรเชื่อว่า หากเป็นเรื่องช่วยชีวิต จะมีนักบินจิตอาสาเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก”นายอนุทิน กล่าวและว่า “ถ้ามีเที่ยวปฐมฤกษ์ ขออาสาขับเป็นคนแรก ยันยันว่าจะสนับสนุนภารกิจนี้อย่างเต็มที่ ”

20190828 190828 0006

ด้านเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสพฉ. กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2552 เริ่มปฏิบัติการฉุกเฉินทางอากาศจนถึง 17 สิงหาคม 2562 มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน 357 ครั้ง โอกาสรอดชีวิตสูงมาก จากสถิติการปฏิบัติงานพบว่า ผู้ที่รับบริการเป็นผู้ป่วยวิกฤติ อาทิ โรคทางสมอง  ระบบหายใจ และอุบัติเหตุรุนแรง ซึ่งโรงพยาบาลในที่ห่างไกลหลายแห่งอาจไม่มีแพทย์เฉพาะทาง

แต่หากส่งผู้ป่วยมาทางบก เพื่อไปโรงพยาบาลที่พร้อมอาจไม่ทันการ และเสียชีวิตกลางทาง หรือพิการ เช่น หากต้องใช้รถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินจากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ต้องใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง แต่หากใช้การลำเลียงทางอากาศยานจะใช้เวลาเพียง 30 นาที

20190828 190828 0005

ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือน กล่าวว่าการร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการคุ้มครองความปลอดภัย ต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติในการรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินนอกเขตสนามบิน อันจะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ขอบคุณภาพปก: เฟซบุ๊กสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight