General

สั่งการ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ใช้เทคโนโลยีสู้คู่แข่ง เข้มตรวจ ‘พัสดุต้องสงสัย’

รมว.ดีอี เยือนไปรษณีย์ไทย มอบนโยบายให้ขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล บิ๊กดาต้า สร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการ รับมือธุรกิจแข่งดุ พร้อมตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยเข้มงวด ด้านไปรษณีย์ไทยขานรับนโยบาย พร้อมเสิร์ฟบริการแบบฟูลออพชั่น

รมว.ดีอี ทดลองใช้บริการส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้นและไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 1
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(รมว.ดศ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (23 สิงหาคม) ได้ลงพื้นที่เพื่อดูการทำงาน รวมทั้งมอบนโยบายและแนวทางการปรับปรุงให้ไปรษณีย์ไทย เร่งสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการ มีความโปร่งใส พร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะกรณีการตรวจสอบพัสดุต้องสงสัย อาทิ อาวุธ ยาเสพติด หรือสิ่งต้องห้ามอื่นๆ เหมือนกับต่างประเทศเพราะเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

ทั้งนี้ การตรวจสอบจะต้องสามารถทำได้ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและตัวเจ้าหน้าที่คัดแยกเอง รวมทั้งในกระบวนการทำงานด้านอื่นๆ ก็จำเป็นจะต้องนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มเติมเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทยจัดทำแผนการปรับปรุง ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน รับมือสถานการณ์ในอนาคต พร้อมเสนอกระทรวงฯ ภายใน 1 เดือน เพื่อกระตุ้นการทำงานและเป็นการแสดงให้เห็นว่าไปรษณีย์ไทยไม่ได้อยู่ในช่วงขาลง โดยเชื่อมั่นว่าไปรษณีย์จะสามารถปรับตัวได้เพราะมีจุดแข็งหลายด้านโดยเฉพาะในส่วนของบุคลากรที่มีความชำชาญมาอย่างยาวนาน

รมว.ดีอี ทดลองใช้บริการส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้นและไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 2

“ไปรษณีย์ไทยจะแข่งขันได้ ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันกับคู่แข่ง เพราะจากข้อมูลที่ตนได้รับพบว่า บริษัทเอกชนมีการเติบโตอย่างมาก และมีการส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น หากไปรษณีย์ไทยไม่มีการปรับปรุงอาจจะส่งผลกระทบกับรายได้ในอนาคต”นายพุทธิพงษ์กล่าว

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ ไปรษณีย์ไทยจะต้องมีการพัฒนาระบบบิ๊กดาต้า หรือการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้บริการมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้ไปรษณีย์รับรู้ถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค พร้อมนำมาพัฒนาเป็นงานบริการใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์และทันกระแสกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนกรณีการร้องเรียนต่างๆ นั้น ที่ผ่านมากระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้กำชับให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร ดำเนินการภายใต้กรอบเวลา เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใส เบื้องต้นอาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อตรวจสอบให้รอบคอบ และรวบรวมเอกสารต่างๆ เพื่อชี้แจง โดยการดำเนินการจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งผู้ที่ถูกร้องเรียนและผู้ร้องเรียน ซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามระบบ โดยหลังจากนี้หากตรวจสอบแล้วพบความผิด ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท
สมร เทิดธรรมพิบูล

ด้าน นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย พร้อมขับเคลื่อนการทำงานตามนโยบายของกระทรวงฯ โดยยึดหลักการให้บริการด้วยความปลอดภัย และส่งเสริมความมั่นคงในภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้การแข่งขันทางธุรกิจโลจิสติกส์มีความรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตามไปรษณีย์ไทย ได้ปรับการดำเนินงานเพื่อตอบความต้องการและตรงตามพฤติกรรมของคนยุคใหม่ เช่นการเพิ่มบริการเก็บเงินที่อยู่ผู้รับ (COD) การขยายเวลาให้บริการถึง 20.00 น.ในเขตเมือง และถึง 23.00 น.ในย่านธุรกิจ และให้บริการ 24 ชั่วโมง ในสนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ และ ไปรษณีย์เดอะสตรีท พร้อมรับมือการแข่งขันที่รุนแรง โดยรักษากลุ่มบริการดั้งเดิม และเพิ่มมูลค่ากลุ่มบริการเดิม รวมถึงเพิ่มกลุ่มบริการใหม่ เช่น การสร้างรายได้จากข้อมูล การร่วมทุนกับพันธมิตร

ปัจจุบัน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด แบ่งธุรกิจเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. บริการไปรษณียภัณฑ์ (Mail Service) 2. บริการขนส่งและโลจิสติกส์ (Express and Logistics Service) 3. บริการระหว่างประเทศ (International Service) และ 4. บริการค้าปลีกและการเงิน (Retail and Financial Service)

Avatar photo