ป่าอเมซอนซึ่งเป็นป่าฝนเขตร้อนผืนใหญ่ในบราซิลกำลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไฟป่าที่มีจำนวนมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
สถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติบราซิล (ไอเอ็นพีอี) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าปริมาณการเกิดไฟป่าในอเมซอนเพิ่มขึ้นถึง 83% จากปีที่แล้ว
ควันจากไฟป่าที่ถูกกระแสลมแรงพัดพามาจากรัฐแอมะซอนาและรอนโดเนียได้ทำให้เกิดไฟดับเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ในเมืองเซาเปาโลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(19 ส.ค.) ทั้งที่จุดที่เกิดไฟป่าอยู่ห่างจากเมืองเซาเปาโลไปกว่า 2,700 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม ไอเอ็นพีอีเพิ่งเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าในผืนป่าอเมซอน ซึ่งระบุว่าอัตราการทำลายป่าในเดือน มิถุนายน 2562 เพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561
รายงานนี้สร้างความไม่พอใจให้ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ซึ่งต่อมาได้สั่งปลดผู้บริหารของสถาบันออกจากตำแหน่ง ขณะที่บรรดานักอนุรักษ์ต่างพากันโจมตีประธานาธิบดีโบลโซนาโรที่สนับสนุนให้มีการทำไม้และถางป่าเพื่อทำการเกษตร
ไอเอ็นพีอีระบุว่า ระหว่างเดือน มกราคม-สิงหาคมที่ผ่านมา ตรวจพบการเกิดไฟป่า ในป่าอเมซอนมากถึง 72,000 จุด ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ระหว่างวันที่ 15-21 สิงหาคมเกิดไฟป่ามากถึง 9,500 ครั้ง
ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่ารัฐโรไรมา ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของบราซิลถูกปกคลุมด้วยควันดำ ขณะที่รัฐแอมะซอนาที่อยู่ติดกันได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินไฟป่าแล้ว
ทั้งนี้ ไฟป่าในบราซิลมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ที่จุดไฟเผาป่าให้หญ้าระบัดใบเพื่อนำปศุสัตว์มาเลี้ยง โดยป่าอเมซอน ถือเป็นป่าฝนเขตร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโบลโซนาโร ได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลล่าสุดของไอเอ็นพีอี โดยระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติของ “ฤดูเผา” ซึ่งเกษตรกรมักเตรียมที่ดินสำหรับการเพาะปลูกด้วยการจุดไฟเผา แต่ไอเอ็นพีอียืนยันว่าจำนวนไฟป่าที่เกิดขึ้นในปีนี้สูงผิดปกติจากที่เคยเกิดขึ้นในฤดูแล้งของทุกปี
“สภาพอากาศ และปริมาณฝนในภูมิภาคอเมซอนปีนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านััน จริงอยู่ว่าสภาพอากาศในฤดูแล้งเอื้อต่อการเกิดและลุกลามของไฟป่า แต่จุดเริ่มต้นของไฟป่านั้นเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ”
ทางด้านนายริคาร์โด เมลโล หัวหน้าโครงการอเมซอน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ) ระบุว่า ไฟป่าเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่าที่เพิ่มขึ้นตามสถิติล่าสุดที่มีการรายงาน”
ความกังวลถึงการเพิ่มขึ้นของไฟป่าอเมซอนเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประธานาธิบดีโบลโซนาโร โดยนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง กล่าวว่า ป่าอเมซอนถูกทำลายในอัตราที่เร็วขึ้น นับตั้งแต่ที่ผู้นำรายนี้เข้ามาบริหารประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะประธานาธิบดีให้ความสำคัญกับการพัฒนามากกว่าการอนุรักษ์
คววามเสียหายของป่าอเมซอนในครั้งนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก และมีการพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ และทำให้แฮชแท็ก #PrayforAmazonas และ #PrayforAmazonia กลายเป็นแฮชแท็กติดอันดับยอดนิยมบนโซเชียลมีเดีย
ที่มา : BBC