ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทำรายงานสรุปการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยการใช้ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ของกรมที่ดิน ด้วยการคัดเลือกเฉพาะที่ดินเปล่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง และมีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป โดยใช้ข้อมูลเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ที่มีผู้โอนหรือผู้รับโอนเป็นนิติบุคคลเท่านั้น พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของที่ดินเปล่าหลายทำเล ตามปัจจัยการพัฒนาที่ต่างกันไป
โดยไตรมาส 1/2561 ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 189.0 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2560 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 168.3 จุด และปรับเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 162.9 จุด
เมื่อพิจารณาจาก 3 อันดับแรก ที่มีการปรับเพิ่มสูงสุดของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา จำแนกตามทำเลที่ตั้งของที่ดิน ในไตรมาส 1/2561 เทียบกับไตรมาส 1/2560 พบว่า ทำเลในเขตพระโขนง-บางนา-สวนหลัง-ประเวศ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด 31.9% อันดับสอง ทำเลเขตราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอน-จอมทอง มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 22.9% และอันดับสาม ทำเลในจังหวัดนครปฐม มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 18%
ส่วนการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแต่ละแผนผัง กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เมื่อเทียบกับราคาที่ดินในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีราคาต่ำที่สุด พบว่าพื้นที่พาณิชยกรรม มีราคาสูงกว่าพื้นที่เกศตรกรรม 288.1% ส่วนพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย มีราคาสูงกว่า 149.7% และพื้นที่ที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก มีราคาสูงกว่า 125.9%
ที่ดินเปล่าแนวรถไฟฟ้าราคาพุ่ง 101.1%
ส่วนการวิเคราะห์เปรียบเทียบราคาที่ดินเปล่า ก่อนการพัฒนาในแต่ละเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เมื่อเทียบกับราคาที่ดิน ในกรณีที่ไม่มีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน พบว่า ทำเลที่มีแผนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต มีราคาสูงกว่า 101.1% เนื่องจากราคาที่ดินปรับเพิ่มจากฐานเดิมที่ยังไม่สูงมากนัก ในขณะที่ทำเลที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว จะมีราคาสูงกว่า 70.1% และทำเลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า มีราคาสูงกว่า 54.3%
โดย 5 อันดับแรกที่มีการปรับเพิ่มสูงสุด ของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ในไตรมาส 1/2561 เปรียบเทียบไตรมาส 1/2560 พบว่า เลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ผ่านจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด 17.8%
อันดับสอง เส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 13.7% อันดับสาม สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 10.6% อันดับสี่ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 10.1% และอันดับห้า สายแอร์พอร์ตลิงค์ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 9.3%
