บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนักกฎหมายอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษทบทวนการจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาให้บริการด้านตรวจคนเข้าเมือง
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสื่อดังของอังกฤษ “อินดิเพนเดนท์” รายงานว่า กระทรวงมหาดไทยอังกฤษ มีกำไรจากการทำวีซ่าเข้าประเทศเพิ่มขึ้นถึงสัปดาห์ละหลายล้านปอนด์ นับตั้งแต่ที่ได้มีการว่าจ้างเอกชนเข้ามาให้บริการด้านนี้ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการค้ากำไรจากผู้ยื่นขอวีซ่า
อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า การสืบสวนร่วมกันระหว่างหนังสือพิมพ์ กับ “ไฟแนนซ์ อันคัฟเวอร์ด ” แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอังกฤษมีรายได้จากการยื่นขอวีซ่ามากถึง 1,600 ล้านปอนด์ หรือเกือบ 60,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งที่ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชน “วีเอฟเอส” ซึ่งมีฐานการดำเนินงานอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เข้ามาให้บริการด้านวีซ่าในต่างประเทศ หรือเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า จากช่วง 5 ปีก่อนหน้านั้น
รายงานระบุว่า วีเอฟเอส ซึ่งมีบริษัทโฮลดิ้งส์ในเจอร์ซีย์ หมู่เกาะเคย์แมน และลักเซมเบิร์ก ถูกกล่าวหาว่า มีการบริหารจัดการอย่างไม่ถูกต้อง และมุ่งเน้นขายบริการเสริมอย่างมาก นับตั้งแต่ได้รับการว่าจ้างเมื่อปี 2557
นายพอล บลอมฟิลด์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคแรงงาน ของอังกฤษ เรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการทบทวนอย่างเร่งด่วนในสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด พร้อมบอกว่า จะทำหนังสือส่งถึง ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน และคณะกรรมาธิการกิจการภายในประเทศ เพื่อร้องขอให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว
นายบลอมฟิลด์ ระบุด้วยว่า การจ้างบริษัทเข้ามาดำเนินการเรื่องยื่นวีซ่า ทำให้มีการบริการที่ย่ำแย่ และต้นทุนสูง ซึ่งการที่กระทรวงมหาดไทย และบริษัทเอกชนต่างๆ ทำกำไรจากคนธรรมดาทั่วไป ที่ต้องการยื่นขอวีซ่า นับพันล้านปอนด์ นั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของสหราชอาณาจักรในเวทีโลก
ขณะที่นายเอ็ด ดาเวย์ โฆษกพรรคเสรีประชาธิปไตย รับผิดชอบกิจการมหาดไทย กล่าวว่า เขาได้ขอให้สำนักงานตรวจสอบบัญชีแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว
“ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรเพิ่มมากขึ้น จากผู้คนที่ย้ายเข้ามาทำงาน และเรียนหนังสือที่นี่ เช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งการสร้างกำแพงกีดขวางในเรื่องนี้ ด้วยการอนุญาตให้บริษัทเอกชน ค้ากำไรเกินควร จากการยื่นขอวีซ่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”
การสืบสวนร่วมกันระหว่างอินดิเพนเดนท์ กับไฟแนนซ์ อันคัฟเวอร์ด พบว่า กระทรวงมหาดไทยอังกฤษมีรายได้เฉลี่ยต่อการยื่นขอวีซ่าแต่ละครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 28.73 ปอนด์ มาอยู่ที่ 122.56 ปอนด์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับแต่เอาท์ซอร์สบริการด้านนี้ให้กับวีเอฟเอส
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น วีเอฟเอส ซึ่งมีสํญญาให้บริการวีซ่าของอังกฤษในทุกประเทศนอกยุโรป และแอฟริกา มีรายได้โดยเฉลี่ยต่อการยื่นเรื่องขอวีซ่าในแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นถึง 38% จากการขายบริการพรีเมียม รวมถึง พรีเมียมเลาจน์ และบริการวีซ่าแบบพิเศษ ซึ่งในบางบริการนั้น มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 1,500 ปอนด์
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จากผู้ยื่นขอวีซ่า ที่ต้องการสอบถามเกี่ยวกับใบสมัครของตัวเอง เช่น บริการตอบทางอีเมลคิดค่าธรรมเนียมครั้งละ 5.48 ปอนด์ และบริการโทรศัพท์สายด่วนคิดค่าธรรมเนียมนาทีละ 1.37 ปอนด์
