General

‘มาเรียมต้องไม่ตายฟรี’ ปลุกกระแสรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก

กรมอนามัย รณรงค์ประชาชนร่วมลดใช้พลาสติก ลดอัตราเพิ่มของขยะประเทศ เผยงดใช้ถุงพลาสติกใส่ยาในโรงพยาบาล 6 เดือน ลดพลาสติกได้ 3.4 แสนกก. แถมประหยัดงบจัดซื้อ 24 ล้านบาท 

หลังการตายของพะยูน “มาเรียม” แห่งท้องทะเลตรัง จากเหตุกินขยะถุงพลาสติกที่อยู่ในทะเล ปลุกกระแส “มาเรียมต้องไม่ตายฟรี “ มีการรณรงค์กันในหลายๆหน่วยงานในการลดใช้พลาสติก เพื่อลดขยะประเทศ

พลาสติก มาเรียม

ตอกย้ำสถานการณ์ในปี 2561 มีปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จำนวน 27.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 1.64 % ซึ่งถูกคัดแยกและนำกลับไปใช้ประโยชน์ 34% กำจัดอย่างถูกต้อง 39 % และกำจัดไม่ถูกต้อง 27% รวมถึงปัญหาขยะล้นแหล่งท่องเที่ยว

จากข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช rพบว่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีขยะตกค้าง 45,406 กิโลกรัม รองลงมาได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 17,556 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 14,905 กิโลกรัม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม 11,864 กิโลกรัม และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 10,369 กิโลกรัม

ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์นำโรค และการกองทิ้ง หรือลักลอบทิ้งในพื้นที่รกร้างหรือลักลอบทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ รวมถึงการทิ้งขยะลงทะเล ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเล

ปี 2561 ข้อมูลกรมทรัพยากรทะเล และชายฝั่ง ยังพบว่า มีการปล่อยขยะลงสู่ทะเล มากถึง 1 ล้านตันต่อปี ประเภทขยะที่พบอันดับต้นๆ ถึง 45,931 ชิ้น ได้แก่ ขวดเครื่องดื่ม ประเภทแก้ว ขวดเครื่องดื่ม ประเภทพลาสติก ถุงก๊อปแก๊ป กล่องโฟม ห่อและถุงอาหาร ฝาจุกขวดพลาสติก บุหรี่และก้นกรองบุหรี่ หลอดดูดน้ำพลาสติก

S 23896068

ในส่วนของกรมอนามัย เป็นอีกหน่วยงานที่ร่วมรณรงค์ลดขยะ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ในอุทยาน ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติกเชือก ฝา และ จุกขวด กระดาษ ใบปลิว ขวดแก้ว หลอดดูดน้ำ ถ้วย จาน ก้นกรองบุหรี่ เป็นต้น ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อแหล่งท่องเที่ยว เช่น หาดทราย แนวปะการัง ซึ่งขยะบางประเภทหากถูกทิ้งในป่าหรือทิ้งลงในทะเล สามารถสะสมความเป็นพิษในสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร เช่น โฟมบรรจุอาหาร เชือก แห อวน เมื่อสัตว์กินเข้าไปทำให้สัตว์ตาย หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ และตายในที่สุด

จึงขอความร่วมมือหน่วยงานระดับท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 หมวด 3 การจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ตามมาตรา 20 เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสะอาดและจัดระเบียบการเก็บขน และกำจัด สิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย และกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2560 ในข้อ 3

” ห้ามผู้ใดถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นในที่หรือทางสาธารณะซึ่งมูลฝอยทั่วไป นอกจากถ่ายเท ทิ้ง หรือกำจัด ณ สถานที่ หรือตามวิธีที่ราชการส่วนท้องถิ่นกำหนด หรือจัดให้ และต้องมีการคัดแยกมูลฝอยอย่างน้อย 3 ประเภท คือ มูลฝอยรีไซเคิล มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน และมูลฝอยทั่วไป หรือมูลฝอยที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นนำไปจัดการต่อไป ”

โดยให้ราชการส่วนท้องถิ่นออกข้อกำหนดท้องถิ่น หรือกำหนดอื่นใดที่จำเป็น เพื่อให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ ช่วยลดปัญหาขยะได้อีกทางหนึ่งด้วย

พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อว่า ขยะที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์จำพวกหนู แมลงสาบ แมลงวัน ทำให้เกิดโรคติดต่อในคน เช่น โรคบิด ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค เมื่อขยะเหล่านี้ตกค้างสะสมเป็นเวลานาน มลพิษจะกระจายไปในดิน น้ำ และอากาศ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้เสื่อมโทรมลงได้

” ทุกคนต้องช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อม โดยขอให้ช่วยกันลดปริมาณขยะ มีการคัดแยกขยะก่อนทิ้งและทิ้งขยะลงในถัง หรือภาชนะที่จัดไว้ เลือกใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติแทนกล่องโฟม และถุงพลาสติก “

และเมื่อนำสิ่งที่จะก่อให้เกิดขยะเข้าในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม ขวด กระป๋อง ควรเก็บคืนออกมาให้มากที่สุด

ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้สนับสนุนการลดใช้พลาสติกด้วยการลดการใช้ถุงหิ้วพลาสติกใส่ยา ซึ่งจากการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 จนถึง 31 มีนาคม 2562 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561 สามารถลดปริมาณการสั่งซื้อถุงหิ้วพลาสติกได้ถึง 87% หรือประมาณ 344,043 กิโลกรัม ช่วยประหยัดงบในการซื้อถุงหิ้วพลาสติก ได้กว่า 24 ล้านบาท โดยผู้รับบริการก็พึงพอใจ ร่วมลดขยะพลาสติก และไม่คิดว่าเป็นการเพิ่มภาระ

ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทุกกระทรวงดำเนินงานตามมาตรการลดคัดแยกขยะภายในหน่วยงานภาครัฐ โดยกำหนดเป้าหมาย 5 เรื่อง ได้แก่

1) ข้าราชการ 2.53 ล้านคนทั่วประเทศ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดและคัดแยกขยะ 2) อาคารของหน่วยงานภาครัฐ 100 % ดำเนินกิจกรรมการลด และคัดแยกขยะ

3) ขยะของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องส่งกำจัดลดลงอย่างน้อย 5%

4) หน่วยงานภาครัฐลดการทิ้งแก้วพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง และถุงพลาสติกหูหิ้วของหน่วยงาน 10%

5) งดใช้โฟมบรรจุอาหารในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เป็นแบบอย่างแก่ประชาชน และภาคเอกชนในการจัดการขยะ และลดปริมาณขยะ สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการ ขยะมูลฝอยของประเทศ

“ในภาพรวมพบว่าขยะพลาสติก 50 % ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี และต้องใช้พื้นที่ฝังกลบ สูงถึง 3 เท่า หากนำไปเผาจะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม สารก่อมะเร็ง รวมทั้งก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ” พญ.พรรณพิมล กล่าว

Avatar photo