สมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง เผยภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง 6 เดือนแรกปีนี้ มูลค่าตลาด 7,351 ล้านบาท ยังโตต่อเนื่อง ส่วนครึ่งปีหลังคาดตลาดรวมลดลงเหลือ 6,983 ล้านบาท จากเศรษฐกิจชะลอตัว และทีวีดิจิทัลทยอยคืนช่อง ชี้แนวโน้มผู้บริโภคยกระดับสู่ Prosumer ขณะที่เทรนด์สินค้าเพื่อผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกลุ่มอาหารมาแรง
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ นายกสมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย) ซึ่งประกอบด้วย ทรูซีเล็คท์, ช้อปแชนแนล, โอช้อปปิ้ง, ทีวีดีช้อป, ไฮช้อปปิ้ง และ ทีวีไดเร็ค เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง 6 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าตลาดรวม 7,351 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.11% แบ่งเป็นธุรกิจ “ทีวีช้อปปิ้ง” อยู่ที่ 4,243 ล้านบาท เติบโต 8% และธุรกิจ “โฮมช้อปปิ้ง” มีมูลค่าตลาด 3,107 ล้านบาท เติบโต 14%
ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังของปีนี้คาดมูลค่าตลาดรวมลดลงเหลือ 6,983 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยลบภายในและภายนอก ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคน่าจะยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง ทยอยคืนช่องแก่ กสทช.
สำหรับในปี 2561 ที่ผ่านมา ภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 13,823 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 15.5% ปัจจัยมาจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาด อาทิ เวิร์คพอยท์, อัมรินทร์ทีวี และผู้ประกอบการทีวีช่องอื่นๆ ที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจทางด้านนี้ สะท้อนว่าธุรกิจทีวีช้อปปิ้งยังมีอนาคตที่ดีและมีกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่น รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ชในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากจับกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันเทรนด์ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าทางทีวีช้อปปิ้งและโฮมช้อปปิ้งเปลี่ยนแปลงไป โดยเป็นการผสมผสานกับระหว่าง Shopping Experience และ Shopping Journey ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็วและตรงกับความต้องการ เนื่องจากผู้บริโภคได้ยกระดับสู่การเป็น Prosumer (Professional + Consumer) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงมีการศึกษาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่น และต้องการเลือกซื้อสินค้าในช่องทางที่ได้ราคาที่ดีที่สุด
ขณะที่การเติบโตของธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ และโซเชียล คอมเมิร์ซ มองว่าเป็นผลบวกให้กับทีวีโฮมช้อปปิ้ง เพราะถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้เจอ (White Space) โดยธุรกิจทีวีช้อปปิ้งมีฐานลูกค้าใหญ่คือ กลุ่มเบบี้ บูมเมอร์ ที่เกิดในปี 2489– 2507 และ เจนเอ็กซ์ ที่เกิดในปี 2508 – 2522 ซึ่งยังมีพฤติกรรมรับชมทีวีเป็นสื่อหลัก และกำลังปรับตัวเข้าสู่การสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ช และโซเชียล คอมเมิร์ช ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน เนื่องจากผู้บริโภคกล้าทดลองสั่งซื้อโดยไม่ได้สัมผัสสินค้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีช้อปปิ้งมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจทีวีช้อปปิ้งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สคบ. กสทช. ฯลฯ ส่งผลให้ไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณสินค้าเกินจริง ก็มีผลดีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคต่อการเลือกซื้อสินค้าผ่านทีวีช้อปปิ้ง
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีครัวเรือนที่ติดตั้งอุปกรณ์รับชมรายการโทรทัศน์ทั้งสิ้นประมาณ 21.71 ล้านครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 98.1% จากทั้งหมด 22.13 ล้านครัวเรือน ขณะที่ ‘ทีวีดาวเทียม’ เป็นช่องทางรับชมที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 53.26% เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 50.7% ขณะที่การรับชมทีวีดิจิทัลและเคเบิ้ลทีวีมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ยังประเมินภาพรวมเทรนด์สินค้าซึ่งจะเป็นที่ต้องการในอนาคต ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้านวัตกรรมที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของประเทศไทยจากสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ อีโค่ โปรดักต์ ที่คาดว่าจะมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้น รวมถึงกลุ่มสินค้าด้านอาหารที่กำลังเติบโตพร้อมกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์
