ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (20 ส.ค.) ปรับตัวสูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ท่ามกลางความหวังว่าชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จะออกมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจ ช่วยบรรเทาความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย หนุนให้นักลงทุนดึงเงินออกจากการลงทุนที่ปลอดภัย เข้ามาซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ของญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุด ขยับขึ้น 66.92 จุด หรือ 0.33% มาอยู่ที่ 20,630.08 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงลดลง 28.39 จุด หรือ 0.11% ที่ 26,263.45 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน ปรับขึ้น 4.25 จุด หรือ 0.15% ที่ 2,887.35 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.35 จุด หรือ 0.23% ที่ 3,135.80 จุด
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ เมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) ปิดที่ 26,135.79 จุด พุ่งขึ้น 249.78 จุด หรือ 0.96% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,923.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.97 จุด หรือ 1.21% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 8,002.81 จุด เพิ่มขึ้น 106.82 จุด หรือ 1.35%
ความหวังถึงการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเกิดขึ้นหลังธนาคารกลางจีน ประกาศแผนปฏิรูปดอกเบี้ยหลักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมสำหรับภาคธุรกิจ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่มีรายงานถึงความเป็นไปได้ที่เยอรมนีจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจ
“สถานการณ์เหล่านี้ ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า จะเกิดการผ่อนคลายนโยบายการเงินขึ้นทั่วโลก และเรื่องนี้ช่วยบรรเทาผลกระทบในตลาด ที่เกิดจากความไม่แน่นอนต่างๆ เมื่อเร็วๆนี้ ” มาซายูกิ คิชิกาวะ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาค ของสุมิโตโม มิตซุย แอสเซท แมเนจเมนท์ โค กล่าว
ตลาดยังเกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย 17-18 กันยายนนี้ หลังจากที่เพิ่งลดไปในการประชุมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อจำกัดผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทางด้านราคาทองคำในตลาดสิงคโปร์ ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,497.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเมื่อวานนี้ร่วงลงไป 1.2% ซึ่งเป็นการลดต่ำสุดในรอบเดือน
ขณะที่ราคาซื้อขายล่วงหน้า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียทในเอเชีย ปรับตัวลงมา 0.41% ที่ 55.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
