ผู้ว่าฯ ธปท. มั่นใจปัญหาเศรษฐกิจไทยปีนี้ ยังห่างไกล ต้มยำกุ้ง ชี้ค่าบาทเกิดจากปัจจัยภายนอก ธปท. เร่งดูแล 3 ประเด็นหลัก ทั้งสถาบันการเงิน, ให้คนหลุดพ้นวงจรหนี้ และให้ความรู้ทางการเงิน ล่าสุดคาดจีพีดีได้ 3% ขอรอดูอีกรอบเดือนกันยายน แนะเปลี่ยนแนวคิดจากเรื่องระยะสั้น เป็นการมองระยะยาว โดยเฉพาะการจับเทรนด์โลก เพื่อสร้างโอกาสแทนวิกฤต
ในงานสัมมนาวิชาการ “โลกเปลี่ยน อีสานแลนหัน เท่าทันการเปลี่ยนแปลง” ที่จัดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2562 ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกลยุทธ์การรับมือในภาวะปัจจุบันว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจในประเทศมีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเรื่อง หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น คุณภาพหนี้แย่ลง
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรรีบปรับตัวเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ไม่พึ่งพาคู่ค้าเพียงรายเดียว, ควรบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม
“ไม่มีใครทำนายได้ว่าค่าบาทจะแข็งหรืออ่อนค่าลง แต่บอกได้ว่า ค่าเงินบาทจะผันผวนมากขึ้น จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก การเจรจาเพื่อสงบศึกระหว่างสหรัฐกับจีนจะจบยากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการทำได้คือ ต้องบริหารจัดการความเสี่ยง ซึ่งทางธปท.จะมีการประเมินตัวเลขจีดีพีอีกครั้งในเดือนกันยายน จากล่าสุดที่ประเมินไว้ 3% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา”ดร.วิรไท กล่าว
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีมาตรการดูแลใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การดูแลสถาบันการเงิน เช่น การควบคุมวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล การดูแลสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ การออกมาตรการคุมสินเชื่อบ้าน หรือแอลทีวี 2. ให้ผู้ที่อยู่ในวงจรหนี้ ออกจากวงจรหนี้ ด้วยการสร้างคลินิกแก้หนี้ และ 3.ให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน เช่น การวางแผนทางการเงิน
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังระบุว่า สิ่งสำคัญคือ ควรเปลี่ยนมุมมองจากเดิมที่มองระยะสั้น เช่น ค่าบาท ตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจ มาเป็นการมองระยะยาว และต้องจับเทรนด์ให้ถูกเพื่อปรับตัวรับมือได้ทัน จะทำให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ โดยมี 3 เทรนด์สำคัญที่ต้องติดตามให้ทันคือ 1.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วมาก 2.การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร โดยเฉพาะสังคมผู้สูงอายุที่จะเข้ามามีบทบาทและเป็นโอกาสของสินค้าและบริการเพื่อผู้สูงอายุ และ 3. ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
