COLUMNISTS

สงครามยังไม่จบ…ไม่ต้องรีบ!!

Avatar photo
EcoIndy คิดต่างสร้างสรรค์
48

หุ้นร่วง4

ถามว่าตลาดหุ้นที่ทรุดตัวลงกว่า 119 จุด มาแตะที่ 1,634.98 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา หรือลดลงกว่า 6.78% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 1,753.71 จุด ใกล้สะเด็ดน้ำหรือยัง

คงต้องตอบว่ายังไม่สะเด็ดน้ำ…ไม่ต้องรีบ

เพราะกระแส Fund Flow ยังไหลออกอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีประกาศขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง และมีการประเมินว่าการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในช่วงครึ่งปีหลัง ปรับขึ้นแน่นอน

ทำให้เห็นการ เทขายหุ้นในตลาดเกิดใหม่ และตลาดหุ้นไทยก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมาย หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น

ถือว่าต่างชาติทำกำไร 2 ต่อ ทั้งจากผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้น และ “ค่าเงินบาท” ที่อ่อนฮวบในรอบ 7 เดือน แตะที่ระดับ 32.97 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา นับจากวันที่ 15 พ.ย. 2560 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์

แรงกระเพื่อมจากความกังวลเรื่องสงครามกาค้าระหว่างสหรัฐที่ฟาดงวงฟาดงากับอีกกหลายประเทศ ทำให้การไหลออกของ Fund Flow มีความรวดเร็วมากขึ้น

จากข้อมูลของ บล.เอเซีย พลัส พบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิจากต้นปีถึงปัจจุบัน 1.75 แสนล้านบาท

แยกเป็นการขายในช่วงเดือนมิถุนายนกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท (มีซื้อสุทธิเพียงวันเดียวคือ 1 มิถุนายน 2561 มูลค่า 135 ล้านบาท)

สงครามการค้าเริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น รัสเซีย ตุรกี และอีนเดียประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐต่อจากจีน ยุโรป และแคนาดาที่ประกาศไปก่อนหน้า ซึ่งบางประเทศมีผลไปแล้ว บางประเทศอยู่ในระหว่างพิจารณา

จากนี้ไปเชื่อว่าสหรัฐต้องกลับไปทบวนว่าจะดำเนินนโยบายแข็งกร้าวต่อไปหรือไม่???

เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้สถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ เชื่อว่าสหรัฐจะได้รับผลกระทบหนักสุด ทั้งในฝั่งของผู้ผลิตและผู้บริโภค เนื่องจากต้นทุนสินค้าเพิ่ม และกดดันตัวเลขเงินเฟ้อ และกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุน VI ในระดับตำนานของไทย ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาบอกว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่ถูกนัก และกำไร บจ.ไทยเติบโตช้ากว่าเมื่อเทียบกับในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ หลายประเทศมีอัตราการเติบโตมากกว่าไทย

แม้การปรับตัวลงของหุ้นไทยในรอบนี้ ยังเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก แต่มองว่ายังไม่ใช่ภาวะ “Panic Sell” เพราะตั้งแต่ต้นปี มองว่าดัชนีปรับฐานลงไม่มาก และยังไม่ได้เป็นภาวะที่ผิดปกติ

แต่สิ่งที่กังวลคือมีโอกาสว่าจะเกิด “Panic Sell” ในระยะถัดไป ถ้าหากนักลงทุนในไทยเริ่มไม่มีความเชื่อมั่นถึงโอกาสการฟื้นตัว และนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นต่อเนื่องเหมือนอย่างในปัจจุบัน

นับเป็นสัญญาณอันตรายของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังจากนี้

คงพอสรุปได้ว่าการ “ดำดิ่ง” ลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยรอบนี้ยังไม่จบรอบ เพราะสงครามการค้า กระแส Fund Flow ที่ไหลออกต่อเนื่อง ยังเป็นตัวแปรสำคัญกดดันตลาดหุ้น

“ถือเงินสด” ไว้ รอจังหวะ “ไม่ต้องรีบ” สังเคราะห์ข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะตลาดหุ้นไทยที่ว่าถูกแล้ว ยังมีถูกอีก อย่างที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าเกือบหลุด 1,600 จุด