ในยุคที่ค้าปลีกท้องถิ่น ถูกไล่ล่าจากค้าปลีกส่วนกลางไปทุกภาค มีหลายรายที่ต้องถอดใจพ่ายแพ้ แต่ก็มีหลายรายเช่นกันที่ฮึดสู้ จนสามารถอยู่รอดได้ หนึ่งในนั้นคือ ธนพิริยะ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย ที่ในวันนี้ สามารถปักธงขยายสาขาไปทั่วภาคเหนือโดยไม่อยู่เฉพาะในเชียงรายเท่านั้น
จุดกำเนิดของ ค้าปลีกในเครือ ธนพิริยะ เริ่มขึ้นในปี 2508 จากร้านของชำแผงลอยในเทศบาลเชียงราย “โง้วทองชัย” โดยครอบครัวพุฒิพิริยะ จากนั้นได้พัฒนาเป็นมินิมาร์ท ภายใต้ชื่อ “พิริยะมินิมาร์ท” ในปี 2534 ตามด้วยการขยายสาขา 2 ในปี 2550 พร้อมปรับรูปแบบธุรกิจให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนพิริยะ ในปี 2543 และเปลี่ยนเป็น บริษัท ธนพิริยะ จำกัด ในปี 2555
ก้าวสำคัญของ ธนพิริยะ คือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาทและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่ม ทุนจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ในปี 2558
จนถึงวันนี้ ธนพิริยะ สยายปีกสาขาไปแล้ว 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่จังหวัดเชียงราย 22 สาขา และจังหวัดพะเยา 2 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 5 สาขา โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาแรกของปีที่สาขาอำเภอปง จังหวัดพะเยา และจะเป็นปีแรกที่จะข้ามถิ่นไปเปิดสาขาในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขยายความแข็งแกร่งของร้านค้าปลีกท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ในแง่ของผลประกอบการปีนี้ ธนพิริยะ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้าที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 50.44 และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 4.12 เนื่องจากยอดขายรวมเติบโตขึ้น โดยมีรายได้จากการขายและ การให้บริการอยู่ที่ 503.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 73.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.17
ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 72.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 13.55 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 23.12 มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 14.32 และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและภาษี เงินได้เพิ่มขึ้น 6.29 ล้านบาท
“ธนพิริยะ” เกิดขึ้นจาก “ธวัชชัย – อมร พุฒิพิริยะ” สองสามีภรรยาชาวเชียงราย ที่เชื่อมั่นว่า โอกาส ไม่มีวันหมดสำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้ จึงตัดสินใจลุกขึ้นสู้ เอาการตลาดมาทำเต็มรูปแบบ ทั้ง การวิเคราะห์ SWOT เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ การนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหาร ตลอดจนการพัฒนารูปแบบร้านให้ทันสมัย
ปัจจุบัน แม้ว่า จังหวัดเชียงรายจะมีค้าปลีกรายใหญ่ไปปักธงถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กอย่างเซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท จนถึงค้าปลีกขนาดใหญ่ อย่างห้างเซ็นทรัล และโรบินสันที่อยู่ในห้างเซ็นทรัล แต่ ธนพิริยะ ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ พร้อมทั้งมีแผนเปิดสาขาใหม่ทุกปีๆ ละ 5 สาขาเป็นอย่างน้อย และตั้งเป้าว่าจะมีธนพิริยะทั้งสิ้น 50 สาขาในอีก 5 ปีข้างหน้า
เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกนี้ ถือว่าน่าพอใจ จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสำเร็จของร้านค้าปลีกท้องถิ่นคนไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีก จะมีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด และการขยายสาขาในทำเลยุทธศาสตร์ ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ สนับสนุนให้ร้านธนพิริยะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่างวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จะมีการจับจ่ายใช้สอยจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และเป็นฤดูกาลการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ประกอบกับการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ที่ส่วนใหญ่ทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง
“ในปีนี้จะเป็นอีกปีที่ดีของธุรกิจ จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น สัญญาณบวกจากการเลือกตั้ง การลงทุนจากภาครัฐบาล และภาคเอกชน การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายด้าน รวมถึง การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเมืองรอง มีจำนวนนักท่องเที่ยว ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ให้มีโอกาสขยายช่องทางการเติบโตได้อีก” เภสัชกรหญิงอมร กล่าว
เคล็ดลับความสำเรีจของ ธนพิริยะ นอกจากการไม่ยอมแพ้แล้ว ยังมาจากการเปลี่ยนทัศนคติเรื่องราคาในการรับรู้ของกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เกิดการรับรู้ว่า ราคาสินค้าของร้านค้าปลีกเชนใหญ่ไม่ถูกจริงเหมือนที่โฆษณาไว้ จึงเอาเรื่องนี้มาเป็นจุดแข็ง ด้วยการพยายามทำราคาสินค้าของร้านให้ถูกกว่าร้านค้าปลีกเชนใหญ่ พลิกจุดอ่อนเปลี่ยนมาเป็นจุดแข็ง
ถือเป็นอีกตำราค้าปลีกท้องถิ่น ที่ผงาดแข่งกับยักษ์ใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
