“คุณหญิงสุดารัตน์” ลั่นฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่มีเจตนาทำร้าย “นายกรัฐมนตรี” แนะร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ปัญหา ลั่นเมื่อมาจากวิถีประชาธิปไตยต้องไม่กลัวสภา!
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติของเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา152 กรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณฯของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงมีการเรียกร้องให้นายกฯ มาชี้แจงในสภาฯ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ต้องเรียกร้อง แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ วันนี้สิ่งที่ต้องพูดถึงคือการถวายสัตย์ปฎิญาณฯ ไม่ครบถ้วน และการแถลงนโยบายไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การทำผิดไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากการใช้รัฐธรรมนูญ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีทำในสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ในอดีตมีมาตรา 44 ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ใช้เว้นมาตราต่างๆของรัฐธรรมนูญ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเหมือนกลัดกระดุมเสื้อ ถ้าเม็ดแรกผิด เม็ดต่อไปก็ผิดหมด และการที่ฝ่ายค้านเสนอให้แก้ปัญหาถือเป็นความหวังดี เพราะกลัวว่าการทำงานของรัฐบาลจะเป็นโมฆะ หากเกิดการฟ้องร้องขึ้นมา เช่นการอนุมัติโครงการต่างๆ จากคณะรัฐมนตรีอาจเกิดปัญหา หากในอนาคตศาลตัดสินว่าผิดรัฐธรรมนูญจริง
“เราเปิดการอภิปรายทั่วไป ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายนายกฯ เพียงแต่คิดว่าเมื่อนายกฯ ไม่มีปัญญาแก้ไข ปัญหาด้วยตนเอง ก็เอาเข้าสภาฯ ให้ร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ นายกฯคิดอย่างไร สภาฯ มีความเห็นอย่างไรก็ปรึกษากัน ให้ถูกต้องและจะได้แก้ในสิ่งที่ผิดกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าพยายามพูดว่าเหมือนจะจองล้างจองผลาญไม่จบ ซึ่งไม่มีใครอยากจองล้างจองผลาญ แต่สิ่งที่ทำเป็นไฟที่ตัวนายกฯ จุดขึ้นมาเองและก็เผาไหม้ตัวเอง พรรคฝ่ายค้านก็เพียงแค่จะไปช่วยดับให้ จะได้มาช่วยทำงานให้กับประชาชน ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นอย่ากลัวสภาฯ นายกฯ ต้องไปทำความเข้าใจกับระบอบประชาธิปไตย และการทำงานในระบบรัฐสภาใหม่ นายกฯ จะกลัวการเข้าสภาฯ เหมือนเด็กกลัวเข้าบ้านผีสิงอย่างที่สื่อมวลชนเขียนไม่ได้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีระบบอยู่แล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็ทำไป ทางสภาฯ ก็ดำเนินการไป รัฐธรรมนูญมีมาตรา 152 ให้มีการปรึกษาหารือกัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วเหตุใดจึงไม่ใช้สภาฯแก้ไขปัญหา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มาจากวิถีประชาธิปไตย ต้องไม่กลัวสภาฯ
