ไฮเทค ไมโคร ซิสเท็ม ชี้อานิสงส์ลดเบี้ยประกันให้รถติดกล้อง – ตลาดรถยนต์โตต่อเนื่อง ดันตลาดรวมกล้องติดรถยนต์โต 5-10% พร้อมขยายไลน์ธุรกิจ นำเข้ากล้องติดรถมอเตอร์ไซค์ “มีโอ้” เจาะตลาดบิ๊กไบค์ ตั้งเป้าสิ้นปี 2563 ยอดขายแตะ 15,000 ตัว
นายสรัณย์ ธีรวชิกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไฮเทค ไมโคร ซิสเท็ม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องติดรถยนต์ไฮเอ็นหลายแบรนด์ ยื่ห้อ เปิดเผยว่า ตลาดกล้องติดรถยนต์มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าตลาดรวมมูลค่า 2,000 ล้านบาทจะเติบโตประมาณ 10-15% เป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น และยังได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากการที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีประกาศให้บริษัทประกันต้องลดเบี้ยประกันให้ 5-10% ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องติดรถยนต์ในประเทศไทยมีเพียง 20-25% ของรถยนต์ใหม่ หรือมีมูลค่าราว 300 ล้านบาท และพบว่า แนวโน้มผู้บริโภคหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์และคุณภาพสูงขึ้นแทนที่จะซื้อสินค้าราคาถูกจากจีนที่มีคุณภาพต่ำกว่า
สำหรับการทำตลาดของแบรนด์มีโอ้ (Mio) ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เน้นทำการตลาดกับกลุ่มตลาดกลางและบน ส่งให้โชว์รูมรถยนต์ค่ายยุโรปส่วนใหญ่เลือกและมั่นใจในผลิตภัณฑ์มีโอ้ เนื่องจากมีการติดตั้งกล้องแบบหน้า/หลัง และมีการบันทึกภาพขณะดับจอดรถ ติดตั้งแบบซ้อนสายภายในทั้งหมด และยังมีฟังก์ชั่นที่ลูกค้าชื่นชอบและใช้งานง่าย พร้อมยังมีการเตือนกล้องตรวจจับความเร็วตำรวจที่มีข้อมูลปัจจุบันกว่า 400 แยกและสามารถอัพเดทฟรีตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ทำได้ พร้อมรับประกันสินค้าถึง 3 ปี
ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะรุกทำตลาดระดับกลางมากขึ้น โดยได้มีสินค้าหลากหลายรุ่นและราคามากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวกล้องติดหน้า/หลังรถมอเตอร์ไซด์หรือแดชแคม รุ่น Mio Mivue M760D ซึ่งเป็นกล้องหน้า/หลัง ที่มีดีไซน์สวยหรูไม่มีหน้าจอแสดงผล มีไวไฟในตัวสามารถเชื่อมต่อกับมือถือ ตั้งค่าการทำงานของกล้อง ดูไลฟ์สด ดาวน์โหลด แชร์วิดีโอ ผ่านแอพพลิเคชั่นได้ ที่สำคัญคือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉิน ผู้ใช้สามารถกดปุ่มบันทึกฉุกเฉิน ส่งไฟล์วีดีโอเข้ามือถือทันที /หรือถ้ามีการชน G sensor จะทำงาน ทำให้ไฟล์วีดีโอที่ชนจะถูกโอนเข้ามือถืออัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 13900 บาทรวมบริการติดตั้ง
“สินค้าใหม่ดังกล่าว จะเจาะเซ็กเมนต์ใหม่คือกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ โดยเน้นการโปรโมท ผ่านสื่อออนไลน์/ออฟไลน์ และการออกงานแสดงสินค้ามากขึ้น โดยจะเน้นที่การสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าแบนรด์ที่มีคุณภาพ กับสินค้ากล้องจีนราคาถูก ที่มีปัญหาคุณภาพ เรื่องความร้อน แบตเตอรี่บวม ตัวยึดหลุดร่วงง่าย ผ่านสื่อออนไลน์ในช่องทางต่างๆ”นายสรัณย์กล่าว
ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็นกลุ่มไฮเอนท์ในกล้องราคา 10,000 บาทขึ้นไปประมาณ 70% และกลุ่มระดับกลาง หรือราคากล้องประมาณ 4,000-9,000 บาท ประมาณ 30% โดยในปีนี้คาดใช้งบทำตลาด 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มียอดขายทั้งปีอยู่ที่ 10,000 ตัว และคิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาทและปี 63 ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 15,000 ตัว
ขณะที่แผนการดำเนินงานในภาพรวม ที่จะขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าองค์กร ห
รือ B2B เพิ่มขึ้น ร่วมกับค่ายรถยนต์ ล่าสุดมีค่ายรถยนต์ 2 ค่ายแล้วที่นำสินค้า มีโอ้ไปขายในโชว์รูม และจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ค่ายในเร็วๆ นี้ สำหรับช่องทางการทำตลาดสำหรับผู้บริโภคทั่วไป วางจำหน่ายแล้วกว่า 50 ร้านค้าในกรุงเทพ และ 30 ร้านค้าในต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นร้านเครื่องเสียง,ร้านประดับยนต์ ร้านติดฟิล์ม, ร้านไอทีต่าง ๆ และออนไลน์ เช่น ช้อปปี้, ลาซาด้า
