ในบทความก่อนหน้าได้เล่าว่าเด็ก ๆ ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวมีอุปนิสัยเหมือนกัน 3 ด้านคือ มีความมานะบากบั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค (Grit) มีความใส่ใจต่อผลลัพธ์ (Conscientiousness) และ มีความสามารถในการบริหารอารมณ์ของตนเอง (Self Discipline and Self Control) ผมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้สำคัญต่อความสำเร็จของผู้ใหญ่ไม่แพ้กันและเชื่อว่าจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในโลกอนาคตอีกด้วย
ทุกคนยอมรับว่าในโลกยุคดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงรอบตัวเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าในอดีตอย่างมากมาย และดูแนวโน้มแล้วคงจะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ นั่นหมายถึงความสำเร็จและความล้มเหลวจะยิ่งเกิดขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้นกว่าในปัจจุบัน
มีการศึกษาซึ่งถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Wall Street Journal โดย Shikhar Ghosh ของ Harvard Business School อ้างว่า 75% ของบริษัท Startup ไม่ประสบความสำเร็จ (Ghosh ศึกษาข้อมูลจากบริษัท Startup มากกว่า 2,000 บริษัทที่ได้รับการระดมทุนอย่างน้อย 1ล้านดอลลาร์ระหว่างปี ค.ศ. 2004-2010)
หากดูสถิตินี้แล้วคิดว่าอัตราการประสบความสำเร็จของบริษัท Startup ต่ำ เราจะพบว่าอัตราการประสบความสำเร็จของสินค้า กระบวนการ หรือบริการที่คิดค้นใหม่ของบริษัททั่วๆ ไปยิ่งต่ำลงไปอีก ซึ่งตัวเลขประมาณการนี้อยู่ราว 10-20 % เท่านั้น (ที่มา: ข้อมูลบริษัทที่ปรึกษา Stratygyn)
โชคไม่ดีที่โดยเฉลี่ยแล้วความล้มเหลวเกิดขึ้นบ่อยกว่าความสำเร็จ ซ้ำร้ายคือความล้มเหลวเหล่านี้จะเกิดขึ้นในอัตราที่เร็วและถี่ขึ้นอย่างมากในอนาคต ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่จะประสบความสำเร็จต้องมีมุมมองต่อการประสบความสำเร็จเหมือนการวิ่งมาราธอน นอกจากต้องเข้าเส้นชัยก่อนคนอื่นแล้วยังต้องมีความอดทน มุ่งมั่น และอึด หากมองมันเหมือนการวิ่งร้อยเมตรอาจหมดแรงสู้หลังจากแพ้รอบแรก
สำหรับเด็กรุ่นเจนวายและเจนซีที่ทยอยเข้าสู่วันทำงาน เขาเหล่านั้นต้องเข้าใจและฝึกฝนอุปนิสัยแห่งความสำเร็จ 3 อย่างนี้หากต้องการจะประสบความสำเร็จในโลกอนาคต
