จากธุรกิจคอมพิวเตอร์ประกอบ สาขาแรกในศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จนถึงปัจจุบันกว่า 20 ปี บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ภายใต้การนำของหัวเรือใหญ่ “สุระ คณิตทวีกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เติบโตก้าวไกลด้วยสาขาถึง 681 สาขา ทั่วประเทศไทย ภายใต้หลากหลายแบรนด์ รวมไปถึงการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ และปิดยอดขายปี 2561 เกือบ 28,000 ล้านบาท
ปัจจัยความสำเร็จของคอมเซเว่น อยู่ที่การ “คิดนอกกรอบ” ที่พร้อมขยับขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน สาขาในเครือคอมเซเว่นที่มี 681 สาขา ประกอบไปด้วยหลากหลายแบรนด์ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2562 มีสาขาภายใต้ชื่อ Banana จำนวน 221 สาขา, Studio7 จำนวน100 สาขา, Kingkong phone จำนวน 104 สาขา, True shop by com7 จำนวน 91 สาขา ร้านรูปแบบ แฟรนไชส์ จำนวน 67 สาขา, BKK จำนวน 37 สาขา, iCare จำนวน 26 สาขา และอื่นๆ 35 สาขา
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า คอมเซเว่นจะเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในเดือนกันยายนนี้ จะเปิดร้าน True shop by com7 อีกราว 30 สาขา, ร้าน BaNANA E-Quip (บานานา อีควิบ) เปิดเพิ่มอีก 1 สาขา เพื่อรุกตลาดเกมอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางการเติบโตในประเทศ
นอกจากนี้ จะเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ร้านจำหน่ายสินค้าไอโอที และนวัตกรรมใหม่ ภายใต้ชื่อแบรนด์ BB Beyond D-box (บีบี บิยอนด์ ดี-บ็อกซ์) เพื่อรองรับโอกาสจากเทคโนโลยีไอโอที และการเข้าสู่ยุค 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงมีแผนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่เข้ามาจำหน่าย โดยเน้นสินค้ากลุ่มที่มีมาร์จิ้นดี และไม่หยุดนิ่งที่จะมองโอกาสเพื่อขยายการเติบโตในรูปแบบอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้คอมเซเว่น เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
จะเห็นได้ว่า การเติบโตของคอมเซเว่น จนเป็นผู้ประกอบการด้านค้าปลีกไอทีและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีจำนวนสาขามากที่สุด ส่วนสำคัญมาจากการพร้อมที่จะเกาะกระแสเทรนด์ธุรกิจและผลิตภัณฑ์มาแรงและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค นั่นหมายความว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องกว้างไกล ไม่ยึดติดกับดักกับความสำเร็จเดิมๆ และพร้อมที่จะพัฒนารูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเท่าทันความก้าวล้ำของเทคโนโลยีใหม่ๆ
เห็นได้จาก การแตกธุรกิจสู่ค้าปลีกแบรนด์ BaNANA E-Quip ที่เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand Game Expo 2019 เมื่อกลางปี 2562 เพื่อเจาะกลุ่มเกมเมอร์โดยเฉพาะ เนื่องจากมองโอกาสจากตลาดเกมมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านบาท และยังมีศักยภาพเติบโตอีกมาก โดยมีกระแสอีสปอร์ตเป็นแรงหนุนสำคัญ โดยในร้านดังกล่าว จะรวบรวมทุกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิค สำหรับการเล่นเกม ตั้งแต่ Gaming Notebook , DIY PCไปจนถึง Gaming Console อย่าง PlayStation และ Xbox และยังรวม Gaming Mobile และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไว้อย่างครบครัน
อีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงการมองเห็นเทรนด์ตลาดใหม่ๆ และจับมาเป็นธุรกิจใหม่ล่าสุด คือ การวางแผนเปิดร้านน้องใหม่ล่าสุด แบรนด์ BB Beyond D-box สาขาแรกที่เมกะบางนา เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีไอโอที
นายสุระกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง 2562 นี้ คอมเซเว่น ยังคงเดินตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องรับไฮซีซั่นธุรกิจ ที่มีสินค้ารุ่นใหม่แบรนด์ชั้นนำทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย อาทิ แอปเปิล, ซัมซุง, หัวเว่ย, ออปโป้ และ วีโว่ รวมถึงคาดว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะช่วยสนับสนุนให้ต้นทุนนำเข้าสินค้าถูกลง โดยสิ้นปี 2562 นี้ ตั้งเป้ามีสาขาภายใต้การบริหารรวม 847 สาขาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และวางเป้าหมายรายได้ปี 2562 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 27,913 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 15,369.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 13,177.9 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 2,061.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,679.8 ล้านบาท กําไรสุทธิ ส่วนของบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 544.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.5% ต่อรายได้จากการขายและการให้บริการ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 39.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 391.1 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการเติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น จากแผนการรุกตลาด การขยายสาขา และการบริหาร Product mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสินค้าใหม่เปิดตัวและได้รับการตอบรับ รวมทั้ง การจัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย
การจับเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างเท่าทัน และกล้าลงทุนขยายธุรกิจ ด้วยการมองนอกกรอบ และยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงนับว่าเป็นปัจจัยความสำเร็จของคอมเซเว่นในวันนี้
