Finance

‘แกรมมี่’ รายได้เพิ่ม จ่ายปันผล 10 สตางค์

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2562 เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 – 30 มิถุนายน 2562 ตามงบการเงินเฉพาะกิจการให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 81.99 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ

บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 27 สิงหาคมนี้  และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 12 กันยายน

คุณบุษบา ดาวเรือง
บุษบา ดาวเรือง

นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า บริการ และค่าลิขสิทธิ์จำนวน 1,458 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 13.7% เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่ และธุรกิจเทรดดิ้งลดลงเล็กน้อย

ทางด้านธุรกิจดิจิทัลทีวี 2 ช่อง ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการดิจิทัลทีวีของภาครัฐ ประกอบกับความสามารถในการพัฒนาช่องอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาระผลขาดทุนการร่วมค้าของบริษัทเปลี่ยนจากผลขาดทุนมาเป็นผลกำไรในไตรมาสนี้

สถานะทางการเงินของบริษัทมีความเข้มแข็งภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ภาระหนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.33 เท่า

สำหรับธุรกิจเพลง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้าเพลง  ดิจิทัลมิวสิค การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ ธุรกิจโชว์บิซ  ธุรกิจบริหารศิลปิน และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งในไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจเพลง 893 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3.4%  จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

23M4A6TR83QX

รายได้ในส่วนนี้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจดิจิทัลมิวสิคและธุรกิจบริหารศิลปินซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการ เช่น “PECK PALITCHOKE Concert#2 : LOVE IN SPACE”, “What The Fest! Music Festival 2” และ “คอนเสิร์ต ต่าย อรทัย ดอกหญ้ากลางเมืองใหญ่”

ธุรกิจเทรดดิ้ง ประกอบด้วยธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าโฮมช้อปปิ้ง และธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวี โดยในไตรมาสนี้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมีรายได้ 422 ล้านบาท ลดลง 23.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจกล่องรับสัญญาณทีวีมีรายได้ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจภาพยนตร์ ในไตรมาส 2/2562 ไม่มีภาพยนตร์ใหม่เข้าฉาย แต่มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์จำนวน 33 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2/2561 มีภาพยนตร์ใหม่ “น้องพี่ที่รัก” เข้าฉายในช่วงนั้น รายได้รวมของไตรมาสจึงสูงถึง 183 ล้านบาท

ธุรกิจการลงทุน ประกอบด้วย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจดิจิทัลทีวี  “ช่อง One31” ซึ่งมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้มีละครที่ได้รับกระแสตอบรับดีหลายเรื่อง  ส่วนรายการประเภทวาไรตี้ซิทคอม และข่าวก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ส่วนบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด ประกอบด้วยธุรกิจดิจิทัลทีวี “ช่อง GMM25” ธุรกิจวิทยุและโชว์บิซ  และธุรกิจผลิตคอนเทนต์  ซึ่งในไตรมาสนี้มีละคร และการจัดคอนเสิร์ตที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน

เมียน้อย.re.3

ธุรกิจอื่นๆ ในไตรมาสนี้มีรายได้ 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนขายและบริการไตรมาสนี้เท่ากับ 851 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.6 เนื่องจากไม่มีต้นทุนภาพยนตร์ใหม่และต้นทุนขายของสินค้าลดลง

กำไรขั้นต้นไตรมาสนี้เท่ากับ 606 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 41 สูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 2/2561 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 38 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมไตรมาส 2/2562 นี้ เท่ากับ 550 ล้านบาท เพิ่มขี้นร้อยละ 3.8 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 530 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 33

Avatar photo