Branding

เปิดปากแล้ว คู่กรณี ‘เสี่ยราดหน้าพันล้าน’ ยันโอนหุ้นถูกต้อง เดินหน้า ‘สตาร์มาร์ค’ โตต่อ

หลังจากข่าวคราว “เสี่ยราดหน้าพันล้าน” นายสมชาย ศรีสกุลภิญโญ ที่โด่งดังบนโลกโซเชียล จากประเด็นที่ว่า จากเจ้าของกิจการชุดครัวและเฟอร์นิเจอร์ “สตาร์มาร์ค” ถูกพี่น้องหักเหลี่ยมโหดให้โอนหุ้น ลูกเมียถูกไล่ออกจากบริษัท จนต้องฟ้องร้องใช้เงินแทบหมดตัว ทำให้ต้องมาขายราดหน้าที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

มาครั้งนี้ กลุ่มพี่น้องคู่กรณีขอเปิดปากชี้แจงบ้าง

ดร.พัฒน์ปกรณ์ ศรีสกุลภิญโญ
พัฒน์ปกรณ์ ศรีสกุลภิญโญ

ดร.พัฒน์ปกรณ์ ศรีสกุลภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์มาร์คแมนูแฟคเชอร์ริ่ง จำกัด ที่เปิดเผยว่า กรณีนายสมชาย ศรีสกุลภิญโญ (เสี่ยราดหน้า พันล้าน) ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น ปัจจุบัน นายสมชาย ยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัท ในสัดส่วนเท่าๆ กันกับพี่น้อง 5 คน ได้แก่ นายปรีชา,นายสมชาย, นายธนัฏฐ์โชค, นายพัฒน์ปกรณ์ และนางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ ซึ่งการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นธุรกิจแบบครอบครัวที่บริหารงานร่วมกันตามความถนัดแต่ละสายงาน และมีการปันผลกำไรตามผลประกอบการ

สำหรับการโอนหุ้นดังกล่าวฯ ได้กระทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้มีการยกฟ้องแล้วที่ศาลตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งยังมีอีก 1 คดีที่มีมูลเหตุเดียวกัน และจะมีการตัดสินในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม

DSC 6950 61 2

นอกจากนี้ กรณีที่กล่าวว่า ถูกถอดออกจากการเป็นกรรมการบริษัทก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก นายสมชายเกษียณอายุการทำงานแล้ว จึงพ้นสภาพตามเงื่อนไขบริษัท แต่ยังคงถือหุ้น 20% ซึ่งจากเดิมพี่น้องผู้ชายในครอบครัว 4 คน ถือหุ้นในบริษัทที่รุ่นพ่อเป็นคนก่อตั้ง คนละ 20% เท่ากัน แต่เนื่องจากน้องสาวคือ นางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ เข้ามาช่วยกิจการครอบครัว จึงตกลงกันในครอบครัวโดยลดการถือหุ้นเหลือคนละ 20% แล้วนำหุ้นจำนวน 20% มาให้ นางสาวณัฐปภัสร์ มีส่วนร่วมถือหุ้นในบริษัท และเป็นการถือแทนพี่สาวอีก 2 คนในครอบครัวอีกด้วย

“ด้วยปณิธานที่มุ่งมั่นของกลุ่มผู้บริหาร “สตาร์มาร์ค” ที่จะไม่หยุดยั้งการพัฒนาด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง เพื่อมุ่งตอบสนองให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา ภายใต้การบริหารงานโดยผู้บริหารชุดนี้ ชุดเดิมที่บริหารและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมมายาวนานกว่า 25 ปี ส่งผลให้บริษัทมีความแข็งแกร่งสามารถเปิดตลาดโครงการและโมเดิร์นเทรด จนขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ”ดร.พัฒน์ปกรณ์กล่าว

นอกจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้ว สตาร์มาร์ค ยังขยายธุรกิจไปสู่บริการใหม่ในกลุ่มอินทิเรีย ภายใต้แนวความคิด PERSONALIZE INTERIOR SOLUTION เพื่อให้การตกแต่งบ้านแบบมีดีไซน์สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยทีมอินทิเรียมืออาชีพที่ให้คำปรึกษาพร้อมสร้างให้ลงตัวกับความต้องการใช้งาน และพื้นที่ใช้สอย ด้วยประสบการณ์ยาวนานกับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่ช่วยบริหารจัดการพื้นที่ให้คุ้มค่า และเข้ากับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ จากพันธมิตรกว่า100 แบรนด์

นางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ
ณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ

ด้านนางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ (วีก้า) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความโดดเด่นเรื่องกลุ่มงานครัว ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการนำเสนอสินค้าเพื่อการตกแต่งอื่นๆ ที่ไม่จำกัดแค่เพียงห้องครัว จนเป็นที่มาของการเปิดตัว “สตาร์มาร์คอินทีเรีย” ซึ่งจะเน้นการทำตลาดไปยังลูกค้าระดับบีบวก ที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการแต่งบ้านแบบเน้นสไตล์เป็นของตนเอง โดยรองรับทั้งลูกค้ารายย่อย และโครงการที่ต้องการทำโปรโมชั่นให้กับลูกบ้าน โดยกำลังจะเปิดโชว์รูมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสาขา ที่บุญถาวร ดีไซน์วิลเลจ ปิ่นเกล้าในเดือนกันยายนนี้ พร้อมทั้งปรับโลโก้ใหม่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และครอบคลุมกับสินค้าได้หลากหลายอีกด้วย

ปัจจุบันฐานลูกค้าหลักของ ”สตาร์มาร์ค” ยังคงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำคิดเป็นสัดส่วน 60% รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางไปยังกลุ่มธุรกิจที่พักผ่อน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประเภทโรงแรม รีสอร์ท และ เซอร์วิสอาร์พาร์ทเม้นท์ อาทิ เช่น โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เทอร์มินัล พัทยา ที่ดำเนินการเป็นแห่งที่ 3 ของเครือแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์, เดอะ บลู สกาย รีสอร์ท เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเซอร์วิสอาร์พาร์ทเม้นในประเทศลาว เป็นต้น ขณะที่ลูกค้าทั่วไป เน้นการจำหน่ายผ่านโชว์รูม โมเดิร์นเทรดและดีลเลอร์กว่า 80 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงเออีซี

C68U1111

ขณะที่ภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์มีการชะลอตัวจากนโยบายการเพิ่มเงินดาวน์ ทำให้ลูกค้าระดับกลางถึงล่าง และกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ชะลอตัว ทั้งนี้กลุ่มบีบวก และกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นเอกลักษณ์เฉพาะตนยังมีแนวโน้มเติบโต สะท้อนได้จากการที่บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วกว่า 1,600 ล้านบาท และมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาทในปี 261 โดยปีนี้คาดว่าจะโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10%

Avatar photo