บราซิลเกือบไร้ชัยชนะเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อกว่าจะได้ประตูปลดล็อคต้องรอถึงช่วงทดเวลาจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ เนย์มาร์ พาทัพแซมบ้าเอาชนะคอสตาริกา 2-0 คว้า 3 แต้มสำคัญขึ้นไปรั้งจ่าฝูงชั่วคราวของกลุ่มอี
เกมนี้มีการใช้เทคโนโลยีวีเออาร์มาตัดสินอีกแล้วจากจังหวะที่ผู้ตัดสินเป่าให้ทัพแซมบ้าได้จุดโทษจากจังหวะที่ เนย์มาร์ ถูกดึงล้มแต่เมื่อมาย้อนดูวีเออาร์เห็นได้ชัดว่าจังหวะดังกล่าวไม่สมควรเป็นจุดโทษและเปลี่ยนคำตัดสินในที่สุด
และประตูของเนย์มาร์ ส่งให้เจ้าตัวแซงโรมาริโอผงาดรั้งอันดับ 3 ชาร์ตดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของบราซิล (56) เป็นรองแค่สองตำนาน เปเล่ (77) และ โรนัลโด้ (62) เท่านั้น
ส่วนผลอีกคู่ในกลุ่ม อี ครึ่งแรกกับครึ่งหลังช่างต่างกันยิ่งนัก สวิตเซอร์แลนด์ซัดหมัดเด็ดช่วงทดเวลาบาดเจ็บแซงน็อคเซอร์เบียคาที่ พร้อมทะยานขึ้นไปแต้มเท่ากับบราซิล ทั้งสามทีมยังมีโอกาสเข้ารอบนัดสุดท้าย
เซอร์ดาน ชากิรี่ รับบทฮีโร่ซัดประตูชัยท้ายเกมช่วยสวิตเซอร์แลนด์ ไล่แซงเฉือน เซอร์เบีย 2-1หลังจาก อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช โขกให้เซอร์เบียนำเร็วเพีลง 5 นาทีแรกก่อนที่ กรานิต ชาคา จะมาซัดตีเสมอให้สวิสในครึ่งหลังที่เริ่มเพียง8 นาที ก่อนที่ชากิรี่ ควบบอลหลุดเข้าไปยิงในนาทีสุดท้าย ส่งผลให้กลุ่มนี้ทั้ง บราซิล, เซอร์เบีย และ สวิส ต้องไปแย้งกันเข้ารอบต่อไปนัดที่สามวันพุธที่ 27 มิ.ย. ขณะที่ คอสตาริก้า ตกรอบไปแล้ว
ขณะที่ผลในกลุ่ม ดี อาร์เจนติน่าฟื้นจากโคม่ากลับมามีลุ้นเข้ารอบเมื่อ ไนจีเรีย ซัด 2 ประตูสุดสวย โค่นไอซ์แลนด์ พลิกขึ้นเป็นรองจ่าฝูงกลุ่มดีโดยได้ประตูจากอาเหม็ด มูซ่า กองหน้าเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งสองลูกในนาที49 และ 75
ส่งผลให้กลุ่มนี้มีโอกาสเกิดขึ้นทุกหน้า รวมไปถึงสถานการณ์ของอาร์เจนติน่าดูง่ายขึ้นกว่าเดิมต่อการเข้ารอบต่อไป โดยวันพุธที่ 27 มิ.ย. ทัพฟ้า-ขาวต้องเอาชนะไนจีเรียในนัดสุดท้าย และลุ้นให้ไอซ์แลนด์เสมอหรือแพ้โครเอเชีย หรือต้องมีประตูได้เสียที่มากกว่าไอซ์แลนด์ถ้าเกิดไอซ์แลนด์เกิดชนะโครเอเชียขึ้นมา
