Startup

ฟังทัศนะ VC ดัง สตาร์ทอัพไทยขาดอะไรถึงไปเวทีโลกได้ช้า

dd

นอกจากเป็นงานที่รวมสตาร์ทอัพไทยเอาไว้มากมายแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้งาน Techsauce Global Summit 2018 ได้รับความสนใจคือการมารวมตัวกันของนักลงทุนตัวจริงเสียงจริงทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งในบูธของสิริเวนเจอร์ส ได้มีการสานต่อความร่วมมือกับเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลกอย่าง Plug and Play ในฐานะ Venture Capital ที่เติบโตมากที่สุดของซิลิคอนวัลเลย์ และ Sosa จากอิสราเอลมาให้มุมมองกับสตาร์ทอัพด้าน PropTech กันด้วยว่า เมืองไทยนั้นยังต้องการส่วนผสมอะไรอีกบ้างเพื่อให้สตาร์ทอัพของไทยเราก้าวไกลไประดับโลกได้จริง

แต่ละภูมิภาคก็มีความท้าทายที่แตกต่างกัน

ss
นายฌอน เดย์พานาฮ์

โดยนายฌอน เดย์พานาฮ์ รองประธานบริหารฝ่ายพันธมิตรองค์กรและนวัตกรรม บริษัท Plug and Play ได้บอกเล่าว่า ความท้าทายของสตาร์ทอัพนั้นมีหลากหลาย เช่นในซิลิคอนวัลเลย์นั้น กำลังมีเทรนด์ ๆ หนึ่งเกิดขึ้น นั่นคือกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปนั้น เริ่มไม่ต้องการมีบ้าน หรือรถเป็นของตัวเองแล้ว หากแต่ต้องการอาศัยในเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ที่ตนเองไม่ต้องรับภาระดูแลมากนัก

“ปกติคนอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ชอบที่จะมีบ้านหลังใหญ่ ๆ มีสนามหญ้า มีสวน มีสระว่ายน้ำ ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะเขาเคยมีครอบครัวขนาดใหญ่ และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ไว้รองรับลูก ๆ แต่ตอนนี้ ลูก ๆ ของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์โตกันหมดแล้ว และออกจากบ้านไปสร้างครอบครัวใหม่ ส่วนเบบี้บูมเมอร์เองก็แก่ตัวลง ความสามารถในการดูแลอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ก็ลดลง เราจึงได้เห็นเทรนด์ที่ว่า คนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ไม่ต้องการที่พักขนาดใหญ่ รวมถึงไม่ต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เนื่องจากเขาไม่ต้องการรับภาระ หรือต้องดูแลอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น” นายฌอนกล่าว 

ด้านนายเบน สตรูว์โก ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมองค์กรจาก Sosa ของอิสราเอล เปิดเผยว่า ความท้าทายของสตาร์ทอัพด้านอสังหาริมทรัพย์คือ เราจะทำอย่างไรในวันที่ทั้งคนสูงอายุอย่างกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ และคนรุ่นใหม่อย่างชาวมิลเลนเนียล ต่างเห็นตรงกันว่าไม่ต้องการครอบครองอสังหาริมทรัพย์อีก ไม่ต้องการซื้อรถ ไม่ต้องการมีบ้าน

อย่างไรก็ดี การพัฒนาในด้านการออกแบบ, หรือการสร้างตึกอัจฉริยะ และมีระบบบริหารจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ก็กำลังเป็นเทรนด์ที่อาจได้เห็นกันมากขึ้น เพื่อทำให้วงการอสังหาริมทรัพย์นั้นยังคงความน่าสนใจและดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่ ๆ เข้ามาได้มากขึ้น

ฟฟ
นายเบน สตรูว์โก

VC ต่างชาติมองไทยขาด ‘ยานพาหนะ’ นำพาสู่ตลาดโลก

ข้อนี้เป็นความเห็นที่ตรงกันทั้งจาก Plug and Play และ Sosa โดยผู้บริหารจาก Sosa กล่าวว่าสตาร์ทอัพที่อิสราเอลนั้น ต้องดิ้นรนหาทางออกไปต่างประเทศตลอดเวลา เนื่องจากอิสราเอลเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย ไม่สามารถสเกลได้ ขณะที่ประเทศไทย สตาร์ทอัพอยู่ในสถานะที่ดีกว่านั้น เนื่องจากเรามีประชากรมากกว่าอิสราเอลมาก พร้อมกันนั้นยังหยอดยาหอมว่า วงการสตาร์ทอัพไทยอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เพียงแต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล, หน่วยงานด้านการศึกษา, การสนับสนุนด้านเงินทุน และการมีส่วนร่วมจากบริษัทขนาดใหญ่ จึงจะนำพาสตาร์ทอัพของไทยไปอยู่บนเวทีโลกได้

ด้านผู้บริหารจาก Plug and Play กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าสตาร์ทอัพไทยนั้นขาด ‘Vehicles’ ในการนำพาตัวเองไปสู่ตลาดโลก ซึ่ง Vehicles ในความหมายของเขาก็คือระบบนิเวศน์ที่จะทำให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างแข็งแรง เช่น มีเงินลงทุนพร้อมสนับสนุน มีผู้บริโภคที่พร้อมจะเข้าใช้บริการ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของสตาร์ทอัพที่มองเฉพาะตลาดในประเทศ ไม่ได้คิดถึงการเติบโตไปสู่ตลาดระดับโลกด้วยนั่นเอง

ฉายภาพอนาคต PropTech

สำหรับวงการ PropTech ทั้ง Sosa และ Plug and Play ยังได้ฝากข้อคิดถึงอนาคตของวงการเอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์นั้นคือ อนาคต ค่าแรงจะเพิ่มสูงขึ้น และนั่นทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มองหาระบบอัตโนมัติ (Automation) เข้ามาใช้งานแทน ซึ่งนั่นอาจเป็นโอกาสหนึ่งของสตาร์ทอัพไทยก็เป็นได้

 

Avatar photo