ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐ ปฏิเสธความพยายามของ “เฟซบุ๊ก” ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ ที่ต้องการให้ยกคำร้องในคดีที่บริษัทถูกกล่าวหาว่า ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลทางชีวภาพของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มหลายล้านคนอย่างผิดกฎหมาย และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
คำตัดสิน ที่เปิดทางให้ผู้ใช้งานของเฟซบุ๊ก สามารถยื่นฟ้องบริษัทในเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่เฟซบุ๊กนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเข้ามาใช้นั้น จะทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายนี้ มีความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นค่าเสียหายต่อกลุ่มผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องดำเนินคดีในเรื่องนี
ผู้พิพากษาแซนดรา อิคูตา แห่งศาลนครซานฟรานซิสโกระบุในคำพิพากษาว่า “ผู้ใช้งานในอิลลินอยส์สามารถยื่นฟ้องเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเจ้าของโปรแกรมจดจำใบหน้า ในข้อหา “ละเมิดความเป็นส่วนตัวและผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมส่วนบุคคล”
“เทคโนโลยีจดจำใบหน้าของเฟซบุ๊กขัดต่อหลักกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไบโอเมตริก (บีไอพีเอ) ซึ่งอาจเป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผลประโยชน์อันเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลเหล่านั้น” คำพิพากษาระบุ
ทั้งนี้ กฎหมายบีไอพีเอ กำหนดค่าปรับไว้ที่ 1,000 ดอลลาร์ สำหรับการละเมิดโดยประมาทในแต่ละครั้ง และ 5,000 ดอลลาร์สำหรับการละเมิดโดยเจตนา
อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊ก ระบุว่า มีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์ในเรื่องนี้ต่อ พร้อมยืนยันว่า บริษัทเปิดเผยมาโดยตลอดถึงการนำเทคโนโลนีจดจำใบหน้าเข้ามา และผู้ใช้งานก็สามารถเปิด และปิดฟีเจอร์นี้ได้ทุกเวลาตามต้องการ
