ไตรมาส 2 “นกแอร์” ขาดทุน 796 ล้านบาท โวติดลบน้อยลงจากปีก่อน เพราะแผนฟื้นฟูมาถูกทาง “วุฒิภูมิ จุฬางกูร” ประกาศหนีสงครามราคา มุ่งสู่สายการบิน Premium Budget
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และกรรมการบริหาร บริษัท สายการ บินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟู ส่งผลให้สถานะของนกแอร์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมในไตรมาส 2 ปี 2562 จำนวน 796.41 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนจำนวน 1,095.93 ล้านบาท แบ่งเป็นผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมของ บริษัทใหญ่จำนวน 551.06 ล้านบาท และผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมจากส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 245.35 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการเฉพาะกิจการบริษัทในไตรมาส 2 ปีนี้ มีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 469.82 ล้านบาท ลดลงถึง 36.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนจำนวน 742.61 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2562 บริษัทมีผลขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดเท่ากับ 751.09 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 23.59 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 3.05%
ทั้งนี้ นกแอร์ยังคงเดินไปตามแผนพลิกฟื้นธุรกิจ (Turnaround Plan) ที่วางได้อย่างต่อเนื่อง โดยเร่งเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย สิ่งสำคัญที่กำลังดำเนินการคือ การจัดการฝูงบินและการบิน (Aircraft Utilization) ให้บินไกลขึ้น ใช้เครื่องบินให้คุ้มค่าและลดต้นทุนลง รวมทั้งเตรียมเพิ่มบริการใหม่ๆ ในรูปแบบ segmentation by lifestyle ให้ผู้โดยสารเลือกได้ตามความต้องการ สร้างประสบการณ์ในการเดินทางที่เหนือกว่า นำพานกแอร์ไปสู่การเป็น “Premium Budget Airlines” หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดที่ทวีความรุนแรงขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการของนกแอร์อีกครั้ง
“แผนฟื้นธุรกิจเดินไปได้ด้วยดี ทำให้ไตรมาส 2 นกแอร์ขาดทุนลดลง โดยสาเหตุหลักมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง และบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินและค่าเช่าเครื่องบินลงได้ตามแผนการลดค่าใช้จ่ายตามแผนฟื้นธุรกิจ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของบริษัทได้ปรับลดลงตามการลดขนาดฝูงบิน ประกอบกับภาวะการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรงและเข้าสู่ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง ทำให้รายได้ค่าโดยสารลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งบริษัทได้ปรับตารางบินในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง” นายวุฒิภูมิกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ลดขนาดฝูงบินอากาศยานจากจำนวน 28 ลำ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2561 เป็นจำนวน 22 ลำ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2562 หรือมีจำนวนเครื่องบินเฉลี่ยลดลงคิดเป็น 18.48% ซึ่งมีผลตรงกับการเพิ่มอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 1.91% และรายได้ต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (RASK) เพิ่มขึ้น 3.28% ขณะที่ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (CASK) ลดลง 4.33% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี การลดขนาดฝูงบินได้ส่งผลให้ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารลดลง รวมถึงจำนวนเที่ยวบินลดลง 10.19% และ 10.34% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการดำเนินงานของบริษัทย่อยคือ บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ปี 2562 มีรายได้รวม 1,703.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,463.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.41% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 15.82% จาก 0.31 ล้านคน เป็น 0.36 ล้านคน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินโดยรวมทั้งหมด 19.92%
ปัจจุบัน สายการบินนกแอร์มีเส้นทางบินครอบคลุมทั้งเมืองหลักและเมืองรองมากที่สุดทั่วประเทศไทยถึง 51 เส้นทาง และเส้นทางบินระหว่างประเทศที่รวมบริการแบบเช่าเหมาลำถึง 10 เส้นทาง ซึ่งเส้นทางบินล่าสุดคือ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – กูวาฮาติ โดยการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศบริษัทมีความตั้งใจที่จะเพิ่มจำนวนเส้นทางบินอย่างต่อเนื่องเพื่อการจัดการเครื่องบินและฝูงบิน (Aircraft Utilization) นั้นเกิดประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุด อีกทั้งการเพิ่มรูปแบบการให้บริการโดย segmentation by lifestyle เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการ และตอกย้ำการเป็น Premium Budget Airlines และเป็นไปตามแผนฟื้นฟูธุรกิจ (Turnaround plan) ที่บริษัทได้วางเอาไว้