Living Community หรือ “ศูนย์กลางชุมชน” คอนเซปต์นี้ บริษัท ปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กำลังทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท โออาร์ บอกว่า คอนเซปต์นี้เราทำมาหลายปีแล้ว ในทางปฏิบัติ ต้องการทำให้ปั๊มช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชน เพราะเราต้องการอยู่คู่คนไทยทุกคน และเติบโตไปพร้อมกัน
“พีทีที สเตชั่น” หรือ ปั๊มปตท.ที่เราคุ้นเคย วันนี้จึงมีหลากหลายรูปแบบรองรับวิถีชีวิตของทุกคน ทั้ง City Model ในเขตเมืองต่างๆ เช่น ย่านสามย่าน กทม. ก็จะมีรูปแบบทันสมัย ปั๊มขนาดใหญ่ แบบ Platinum Model ก็จะอยู่ตามถนนทางหลวงต่างๆ มีร้านรวงมากมาย ปั๊มแบบ Standard Model ขนาดเล็กลงมาหน่อย มีเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านกาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน” ร้านอาหารหรือร้านขายของ 2-3 ร้าน และแบบ Community Model อยู่ตามถนนสายรอง แต่ละจุดอย่างน้อยต้องมี เซเว่นอีเลฟเว่น ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอนเป็นพื้นฐาน
สำหรับปั๊มที่อยู่ตามพื้นที่ต่างๆในต่างจังหวัด มีอีกภารกิจสำคัญ คือ ช่วยเหลือเกษตรกรคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ที่ผ่านมาสินค้าเกษตรนานาชาติถูกลำเลียงนำมาขายในปั๊มไม่เคยว่างเว้น ไม่ว่าจะเป็นข้าว กระเทียม ลำไย ล่าสุดเป็นมังคุด ที่ฝ่ายบริหารโออาร์ประกาศนโยบายให้ทุกปั๊มปตท.เปิดพื้นที่ฟรีให้เกษตรกรนำมังคุดมาขาย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังมองเห็นความสำคัญของช่องทางตลาดนี้ โดยระบุว่าขอให้เครือข่ายปั๊มน้ำมันปตท. ทั่วประเทศ มีส่วนร่วมในการจัดหาจุดจำหน่ายมังคุดจากชาวสวน เพื่อระบายผลผลิตเพิ่มมากขึ้นทั้งภาคใต้ ภาคเหนือและภาคอีสาน ช่วยทำให้มังคุดคุณภาพดีที่กำลังออกสู่ตลาดปัจจุบัน ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ช่วยดึงราคามังคุดให้สูงขึ้น
กำชับโดยนายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก โออาร์ ย้ำว่า เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาผลผลิตทางการเกษตรล้น และตกต่ำ สามารถติดต่อปั๊มปตท.ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา เพราะเรามีคอนเซปต์ที่ชัดเจนเป็น “ ศูนย์กลางชุมชน” ซึ่งโออาร์ปฏิบัติเป็นรูปธรรมมาโดยตลอด มีการเปิดพื้นที่ นำผลผลิตทางการเกษตรมาขายอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาผลผลิตดีขึ้น เช่น กรณีข้าว ที่เราเปิดพื้นที่ปั๊มกว่า 700 แห่งให้ชาวนามาขาย
ล่าสุดเป็นมังคุดที่ได้จัดพื้นที่ที่ปั๊มหลังสวน จังหวัดชุมพรก่อน ทั้งเปิดพื้นที่ให้ชาวสวนมาขายโดยตรง และซื้อมังคุดจากชาวสวนมาแจกให้ลูกค้าที่เข้ามาเติมน้ำมันด้วย และขยายออกไปในหลายๆปั๊มทั่วประเทศ
ไม่เฉพาะผลผลิตทางการเกษตร นายสุชาติ ยังบอกว่า ปั๊มยังมีโครงการการปรับเปลี่ยนเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนในสถานีบริการ PTT Station” หรือโครงการ “ไทยเด็ด” ให้ปั๊มปตท.เป็นตลาดส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่ มีการจัดกิจกรรมเป็นระยะๆให้มีการเจรจาทางธุรกิจระหว่างเจ้าของปั๊มกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ เพื่อนำสินค้าท้องถิ่นไปขายในปั๊ม
ศูนย์กลางชุมชนของปั๊มปตท.ยังหมายถึง การเป็นจุดแก้ปัญหาของประเทศในเรื่องสำคัญอย่าง “ขยะ” อีกด้วย มากกว่า 4 ปีที่มีโครงการ “แยก แลก ยิ้ม” จัดถัง 3 ใบ น้ำเงิน เขียว ส้ม แยกเป็นขวดแก้วและกระป๋อง พลาสติก และขยะทั่วไป เพื่อให้พนักงานปั๊มนำไปขาย นำเงินไปบริจาคสารธารณะประโยชน์ต่างๆ ต่อยอดสู่โครงการ ” ฃวด แลก ยิ้ม ” นำขวดแก้วรีไซเคิลมาหย่อนตู้ สะสมแต้ม แลกรับคูปอง นำไปใช้เป็นส่วนลดราคาเครื่องดื่มที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน
แม้ว่า ปั๊มปตท.ที่มีกว่า 1,800 แห่ง 85% เป็นของดีลเลอร์ กำลังทยอยโอนไปสังกัดโออาร์ทั้งหมด เพื่อเตรียมแต่งตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่คาดว่าจะเป็นปีหน้า หลังจากปีนี้ดำเนินการไม่ทันการณ์เป็นที่แน่นอน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภารกิจการเป็น “ศูนย์กลางของชุมชน” เปลี่ยนไป กลับจะมีการเสริมเพิ่มเติมให้ปั๊มถูกปรับปรุง และพัฒนาตลอดเวลา สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง ไม่นับรวมการปรับปรุงตู้ และหัวจ่ายน้ำมันให้ทั้งโมเดิร์น และปลอดภัย
เพียงกระพริบตา หลายปั๊มก็จะมีร้านรวงใหม่ๆเข้าไป โดยเฉพาะร้านอาหารระดับท็อป 5 ที่จะอัดเข้าไปในปั๊มปตท.ชนิดเลือกไม่ถูก เพราะกำลังต่อคิวเสนอขอเข้าไปขยายร้านในปั๊ม รองรับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ชอบใจจะเข้าร้านอาหารอร่อยๆในปั๊มมากขึ้น สะดวกกว่าเข้าห้างสรรพสินค้า จอดปุ๊ปกินปั๊ป
รวมไปถึง ” โรงแรมราคาประหยัด “ ในปั๊มปตท.ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนอีกไม่นาน ตอนนี้กำลังดีลกับมืออาชีพ เพื่อสร้างมาตรฐาน “ที่พัก” ให้สมกับมาตรฐานปตท. ปั้นเป็นแฟรนไชส์เหมือน ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ไม่บังคับ ปั๊มไหนทำที่พักไปแล้วทำไป แต่ปั๊มไหนอยากจะทำใหม่ขึ้นมา รองรับคนเดินทาง หรือนักท่องเที่ยว ขอให้เป็นมาตรฐานนี้
ทั้งหมดก็เพื่อเสริมธุรกิจขายปลีกน้ำมันที่กำไรน้อย แต่ไม่ทิ้งคอนเซปต์ “ศูนย์กลางชุมชน” ที่ทุกคนนึกถึงจะยามสุข ยามอยากจะหยุดพัก หรือแม้ยามเดือดร้อน ให้ปั๊มปตท.อยู่คู่สังคมไทยตราบนานเท่านาน
