Finance

‘กสิกรไทย’ มองตลาดยังกังวลภาพรวมกำไรไตรมาส 2 แนะลงทุนหุ้น 8 กลุ่ม

บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย ชี้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาพรวมกำไรของตลาดหุ้นไทย จากแรงต้านด้านเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2/2562  ที่กำลังจะประกาศในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ น่าจะออกมาต่ำกว่า 3%

ขณะนักวิเคราะห์ได้ประเมินกำไรโดยรวมของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 ของปีนี้ ลดลง 13.5% ต่อปี และ 15.7% ต่อปี สะท้อนทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งประเด็นการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแหล่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านมาตรการอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน ( LTV)  และการตั้งสำรองผลประโยชน์การเกษียณพนักงาน พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ให้เน้นลงทุนใน 8 กลุ่มหุ้นเด่น ที่คาดว่ากำไรในไตรมาส 2 และแนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปีจะออกมาดี

Passakorn
ภาสกร ลินมณีโชติ

ภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย ระบุว่าแม้กำไรในไตรมาส 2 ของปีนี้ ในภาพรวมจะปรับตัวลดลง แต่ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิในช่วงดังกล่าว เติบโตโดดเด่น และธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2019

กลุ่มอุตสาหกรรมแนวโน้มดี 

  • กลุ่มพาณิชย์ (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เติบโต 7.8% ต่อปี) จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโตขึ้นและได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในครึ่งปีหลัง
  • กลุ่มการเงิน (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เติบโต 14%ต่อปี ) จากการเติบโตของสินเชื่อ และต้นทุนการเงินที่ลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/25629 เติบโต 347% ต่อปี ) จากยอดขายที่ดินที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
  • กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เติบโต 57%  ต่อปี ) จากการทำไอพีโอของ TFFIF เมื่อเดือนตุลาคม  2561 และรายได้รวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • กลุ่มผลิตไฟฟ้า (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562  เติบโต 199% ต่อปี ) ได้แรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย เวียดนาม และญี่ปุ่น ส่วนต่างราคาพลังงานที่กว้างขึ้น จากต้นทุนพลังงานที่ปรับลดลงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

stock exchange 1426332 960 720

กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิไตรมาส 2 ไม่โดดเด่น แต่กำไรปกติยังโตดี และคาดว่าครึ่งหลังของปี 2019 จะเติบโตเด่น 

  • กลุ่มเกษตรและอาหาร (คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/2562 ลดลง 18% ต่อปี ) จากอัตรากำไรที่ดีขึ้นตามทิศทางราคาขายที่สูงขึ้น หรือต้นทุนลดลง และการส่งออกขยายตัวจากการเจาะตลาดใหม่ๆ
  • กลุ่มสื่อสาร (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 ลดลง 40% ต่อปี ) หากหักรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์ของ TRUE ปีก่อน คาดกำไรจะเติบโต 9% ต่อปี ในไตรมาส 2/2562  กำไรที่เติบโตดีได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการเติบโตรายได้จากการบริการมือถือ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพทั่วทั้งอุตสาหกรรม
  • กลุ่มโรงพยาบาล (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เติบโต 3% ) ได้แรงหนุนจากการแพร่กระจายของโรคระบาดในไตรมาส 2/2562 ขณะที่ภาพรวมครึ่งหลังของปีดีขึ้นจากอัตรากำไรที่มากขึ้น
  • กลุ่มขนส่ง (คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/2562 เติบโต 8% ต่อปี) จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสาร, จำนวนนักท่องเที่ยว และส่วนต่อขยายสายต่างๆ

กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 ทรงๆ หรือลดลงมาก และแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2019 มีแนวโน้มอ่อนแอ

  • กลุ่มปิโตรเคมี (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 ลดลง 70% ต่อปี ) จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เป็นขาลง รวมถึงการขาดทุนจากสต๊อก และอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า
  • กลุ่มพลังงาน (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 ลดลง 8%ต่อปี ) ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
  • กลุ่มธนาคาร (รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี ) ชะลอตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
  • กลุ่มอสังหาฯ (คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562 ลดลง 36% ต่อปี ) กำไรอ่อนแอเพราะอุปสงค์ที่อ่อนแอในกลุ่มคอนโดฯ และคุณภาพเครดิตของกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่ลดลง หลังจากมีการบังคับใช้LTV

หุ้น72621

ภาสกร บอกด้วยว่า ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/2562  และแนวโน้มกำไรโน้มครึ่งหลังของปี 2562 จะออกมาดีต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL และ COM7) ซึ่งจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากรายได้ในครัวเรือนที่สูงขึ้นซึ่งจะกลายมาเป็น SSSG ที่สูงขึ้น

กลุ่มสื่อสาร (TRUE, DTAC, INTUCH, ADVANC และ JAS) ปัจจัยจากทิศทางการเติบโตของรายได้ตลาดมือถือ อีกทั้งการแข่งขันที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่ลดลง

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA) เนื่องจากจะได้ประโยชน์มากที่สุดจาก FDI ที่สูงขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ และจากการย้ายฐานการผลิตมาจากจีน กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (TFFIF และ JASIF) จากเงินปันผลที่น่าจูงใจ

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (CPF) จากราคาเนื้อสุกรที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2562 หลังจากมีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร  ในเวียดนาม

กลุ่มท่องเที่ยว (AOT และ MINT) จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2562

กลุ่มขนส่งทางราง (BTS และ BEM) จะได้ประโยชน์จากการประมูลโครงการภาครัฐภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ และกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) จากภาพรวมกำไรครึ่งหลังของปี 2562  ที่ดีขึ้น

Avatar photo