Politics

ผมไม่เกี่ยว!! ‘สุเทพ’ ปัดทุจริตสร้างโรงพัก ขอพิสูจน์ความจริงในศาล

“สุเทพ” ยืนยันไม่เกี่ยวข้องคดีทุจริตสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง หลัง “ป.ป.ช.” ชี้มูลความผิด ชี้ทำเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอพิสูจน์ความจริงในศาล

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ภาพจากเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.แถลงมีมติเอกฉันท์ชี้มูลว่า นายสุเทพ มีความผิดกรณีอนุมัติโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่งว่า ตนได้เข้าไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช.ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนเองจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะว่าตนเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว

ทั้งนี้ ในฐานะคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เรื่องที่เกิดขึ้นขอเรียนกับประชาชนว่า ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย แต่เดิม ป.ป.ช.พยายามกล่าวหาว่าตนเองกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะว่ามติ ครม.เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช.เมื่อวานนี้ กลายเป็นว่าตนเองเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม.เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม.อีก คล้ายกับว่าตนเองใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าว จะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จ

โดยข้อเท็จจริง คือ ครม.มีมติครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ให้สร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งในวงเงิน 6,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งครม.อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่าครม.อนุมัติโดยหลักการ

ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม.ในการอนุมัติ ไม่มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใด ที่จะต้องไปขออนุมัติจากมติ ครม. เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน คืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดี ก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น ดังนั้นที่กล่าวหาว่าตนเสนอครม.ครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างกลับไม่เสนอขอมติครม.นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น

“ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจ เพราะทั้งหมดนี้ที่ ป.ป.ช.กล่าวหาตนเอง ไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เรื่องการทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.แจ้งมติชี้มูลตำรวจ ข้าราชการ หรือพ่อค้าคนอื่นในวันเดียวกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองไปสมคบทุจริตกับเขาด้วย” นายสุเทพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เห็น คือ มีการประมูลกันโดยวิธี (อีอ๊อกชั่น) e-Auction โดยมีผู้เข้าประมูลหลายรายและแข่งขันกัน 70 กว่าครั้งในการประกวดราคา ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดนั้น ได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง

“การก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตน แต่เกี่ยวกับการบริหารสัญญาคือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นาน และเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาหลายครั้ง โดย ผบ.ตร.หลายคน ซึ่งตนจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่” นายสุเทพ กล่าว

ภาพปกจากเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)

Avatar photo