วันนี้ (5 ส.ค.) จีนปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี การเคลื่อนไหวที่ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลปักกิ่งอาจเต็มใจอดทนต่อการที่เงินสกุลหลักของประเทศจะอ่อนค่าลงไปมากกว่านี้ สถานการณ์ที่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐรุนแรงขึ้น
ค่าเงินหยวนที่ร่วงลงมาถึง 1.4% เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สร้างความตกตะลึงให้กับตลาดการเงินโลก ด้วยการประกาศจัดเก็บภาษีทุ่มตลาด 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออยู่มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป การเคลื่อนไหวที่ถือเป็นการยุติการพักรบชั่วคราวในสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอการเติบโตลง
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่ง แสดงความเห็นว่า การอ่อนค่าของเงินหยวน อาจทำให้เกิดแนวรบใหม่ที่อันตรายในสงครามการค้า ซึ่งก็คือ สงครามค่าเงิน
อย่างไรก็ดี ยังมีนักวิเคราะห์บางรายที่มีความหวังว่า ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) อาจสกัดขาลงของเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าลงไปมากกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ
อย่างไรก็ดี พีบีโอซีแทบจะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนใดๆ ของธนาคารในเรื่องนี้เรื่องนี้เลย
ในแถลงการณ์ที่ออกมาวันนี้ แบงก์ชาติจีนเชื่อมโยงการอ่อนค่าของเงินหยวน เข้ากับผลกระทบจากการเกิดสงครามการค้า แต่ยืนยันว่า จะไม่เปลี่ยนนโยบายค่าเงิน และว่า ความผันผวน 2 ทางของมูลค่าเงินหยวนเป็นเรื่องปกติ
“ภายใต้อิทธิพลของปัจจัยต่างๆ รวมถึง การผูกขาด มาตรการปกป้องทางการค้า และการคาดการณ์ถึงการขึ้นภาษีต่อสินค้า ทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ อ่อนค่าลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์”
ในช่วงก่อนเปิดตลาดซื้อขายวันนี้ พีบีโอซีได้กำหนดค่ากลางการเคลื่อนไหวของเงินหยวนไว้ที่ 6.9225 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าสุด นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2560 เป็นต้นมา สถานการณ์ที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า พีบีโอซีไฟเขียวให้เงินหยวนอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ เงินหยวนปิดตลาดซื้อขายในประเทศที่ 7.0352 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับอ่อนค่าสุด นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 ส่วนในตลาดต่างประเทศนั้น เงินหยวนดิ่งลงไปถึง ระดับ 7.1094 หหยวนต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย เคลื่อนไหวล่าสุดที่ระดับประมาณ 7.0815 หยวนต่อดอลลาร์
วันนี้ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ที่เงินหยวนอ่อนค่าทะลุเส้น 7 หยวนต่อดอลลาร์
นักวิเคราะห์ยังแสดงความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากสงครามการค้าที่มีความรุนแรงขึ้นนั้น ก็ทำให้รัฐบาลจีนแทบจะไม่เหลือเหตุผลที่จะต้องรักษาเสถียรภาพเงินหยวนเอาไว้ โดยเชื่อว่า เงินสกุลหลักของจีนจะอ่อนค่าลงไปอย่างต่อเนื่อง
“ในระยะสั้น เศรษฐกิจท้องถิ่นจะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดความเคลื่อนไหวของเงินหยวน ซึ่งถ้าหากเศรษฐกิจในไตรมาส 2 มีเสถียรภาพ เงินหยวนก็อาจจะทรงตัวที่ระดับประมาณ 7.2-7.3 หยวนต่อดอลลาร์” นายจาง อี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากจงไห่ เฉิงหรง แคปิตัล แมเนจเมนท์ กล่าว
